ทรัมป์ กลับไปหาเสียง ณ จุดลอบสังหาร
โดนัล ทรัมป์กลับไปหาเสียง ณ จุดที่เคยถูกลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีอีลอน มัสก์ กระโดดขึ้นเวทีไปร่วมปราศรัยด้วย
โดนัล ทรัมป์ เดินทางกลับไปยังเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นจุดที่ทรัมป์ถูกลอบยิง เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อทำการกล่าวปราศรัยอีกครั้ง โดยในเวลา 18.11 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่ทรัมป์ถูกลอบยิง ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นระฆังก็ดังขึ้น 4 ครั้ง แทนจำนวนของเหยื่อกระสุนในวันนั้น ที่มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งก็มีทรัมป์รวมอยู่เป็น 1 ในผู้บาดเจ็บด้วย
ในการปราศรัยที่ตัวทรัมป์ ได้ยืนอยู่หลังกระจกกันกระสุน ทรัมป์ได้กล่าวว่า เมื่อ 12 สัปดาห์ก่อน นักฆ่าเลือดเย็นคนหนึ่งตั้งใจที่จะปิดปากตน และปิดปากขบวนการ Make America Great Again ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์เรา แต่เขาไม่สามารถหยุดขบวนการของเราได้ เขาไม่ได้สั่นคลอนความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเรา ในการช่วยอเมริกาจากความชั่วร้ายของความยากจน ความเกลียดชัง และการทำลายล้าง แต่เรากลับอยู่ที่นี่ในเย็นวันนี้ด้วยผู้คนจำนวนที่มากเป็นประวัติการณ์ นี่คือฝูงชนจำนวนมาก
นอกจากจะเป็นการปราศรัยของทรัมป์ ท่ามกลางฝูงชนนับหมื่น ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ทรัมป์ยังได้เชิญให้อีลอน มัสก์ CEO ของ SpaceX ขึ้นมากล่าวบนเวทีด้วย โดยทรัมป์ได้แนะนำมัสก์ว่า เป็นคนที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง ที่จะช่วยให้สหรัฐมั่นคงในอนาคต จากนั้น มัสก์ที่สวมหมวกเบสบอลสีดำที่มีสโลแกนหาเสียงของทรัมป์ว่า Make America Great Again ก็รีบกระโดดขึ้นไปบนเวทีและจับมือกับทรัมป์ทันที
ทั้งนี้ มัสก์ก็ได้กล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าวจัดขึ้นในสถานที่เดียวกับที่ทรัมป์รอดจากการถูกพยายามลอบสังหารอย่างหวุดหวิด เมื่อเดือนกรกฎาคม โดยกระสุนปืนถูกยิงเข้าที่หูของเขา นี่เป็นการทดสอบตัวตนที่แท้จริงของบุคคล นี่คือการแสดงออกภายใต้การถูกโจมตี เรามีประธานาธิบดีคนหนึ่งที่เดินขึ้นบันไดไม่ได้เลย และอีกคนหนึ่งที่ชกหมัดอย่างบ้าคลั่งหลังจากถูกยิง ตอนนี้ อเมริกาคือบ้านของผู้กล้าหาญ และไม่มีบททดสอบใดที่จะพิสูจน์ได้ เท่ากับความกล้าหาญภายใต้การถูกโจมตี
มัสก์กล่าวต่อว่า นี่เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา อีกฝ่ายหนึ่งต้องการพรากเสรีภาพในการพูดของคุณไป พวกเขาต้องการพรากสิทธิในการถืออาวุธของคุณไป ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องชนะเพื่อรักษารัฐธรรมนูญ เขาต้องชนะเพื่อรักษาประชาธิปไตยในอเมริกา ทั้งนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยประกาศความเป็นกลางทางการเมือง แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มัสก์ก็เริ่มเอนเอียงไปทางทรัมป์ โดยแสดงการสนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย หลังจากทรัมป์ถูกลอบสังหาร ขณะเดียวกัน ก็วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า ทำการใช้อำนาจเกินขอบเขต
#บก.ข่าวทีวี
