เศรษฐีสหรัฐฯ แห่ย้ายประเทศ ไม่สนใครชนะเลือกตั้ง
เศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้น ที่วางแผนย้ายประเทศก่อนเลือกตั้งอังคารที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เหตุกังวลความไม่สงบทางสังคมและการเมือง ไม่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ หรือ กมลา แฮร์ริส จะชนะก็ตาม
สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างการเปิดของทนายความ และที่ปรึกษาครอบครัวชาวอเมริกันร่ำรวย
ว่า มีลูกค้าจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ที่กำลังมองหาหนังสือเดินทางประเทศที่สอง หรือย้ายไปพำนักต่างประเทศระยะยาว ซึ่งแม้ว่าการพูดคุยเรื่องย้ายประเทศหลังเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ครั้งนี้ มีเศรษฐีจำนวนมากที่ลงมือดำเนินการแล้ว
โดมินิก วอเล็ก หัวหน้าฝ่ายลูกค้าบุคคล ของ เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส บริษัทให้คำปรึกษาลูกค้าฐานะดีที่ต้องการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ กล่าวว่า บริษัทไม่เคยเห็นความต้องการมากขนาดนี้มาก่อน และเป็นครั้งแรก ที่เศรษฐีชาวอเมริกัน กลายเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 20 มากกว่าทุกสัญชาติ และชาวอเมริกันที่วางแผนย้ายไปต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เช่นเดียวกับ เดวิด เลสเพอแรนซ์ หุ้นส่วนฝ่ายบริหารจัดการของ เลสเพอแรนซ์ แอนด์ แอสโซซิเอตส์ (Lesperance and Associates) บริษัทจัดการภาษีระหว่างประเทศและการย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ว่าจ้างเขา เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า
ผลสำรวจโดย อาร์ตัน แคปปิตอล ( Arton Capital) ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับย้ายถิ่นฐาน พบว่า เศรษฐีชาวอเมริกัน 53% บอกว่ามีแนวโน้มย้ายออกจากสหรัฐฯหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าใครจะชนะ โดยเฉพาะเศรษฐีรุ่นใหม่ อายุ 18 – 29 ปี เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มย้ายออกมากที่สุด เศรษฐีกลุ่มนี้บอกว่า “มีความสนใจมาก” ที่จะขอ โกลด์เดน วีซ่า หรือ วีซ่าเพื่อการพำนักถาวรแลกกับการเข้าไปลงทุน ซึ่งบางประเทศมีนโยบายนี้อยู่
สำนักข่าว CNBC ระบุว่า อันที่จริง ความสนใจของคนรวยอเมริกัน ที่ต้องการสถานภาพผู้พำนักถาวร หรือหนังสือเดินทางประเทศที่สอง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องการเกษียณอายุ ในประเทศที่มีอากาศอบอุ่นและค่าใช้จ่ายถูกกว่า หรืออยู่ใกล้ครอบครัวในต่างแดน หรือเหตุผลต่าง ๆ นานาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศ เช่น มีคนรวยมากขึ้นที่มองว่า การเป็นพลเมืองของประเทศเดียว เป็นความเสี่ยงส่วนบุคคลและการเงิน หรือต้องการหนังสือเดินทางที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ เอาไว้ในกรณีที่ต้องเดินทาง ไปยังประเทศหรือภูมิภาคอันตรายที่เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ แต่การเลือกตั้งและบรรยากาศทางการเมืองในสหรัฐฯ ได้กลายเป็นตัวเร่ง และกระตุ้นให้เศรษฐีชาวอเมริกัน มองหา แพลน บี หรือแผนสองในต่างประเทศเตรียมไว้
เลสเพอแรนซ์ กล่าวว่า ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เหตุผลหลักที่ลูกค้าชาวอเมริกันสนใจย้ายไปต่างประเทศ คือ ภาษี แต่ปัจจุบัน เหตุผลกลายเป็นเรื่องการเมืองและความกลัวเหตุรุนแรง และการเลือกตั้งในสัปดาห์นี้ คือตัวเร่งความกลัวเหล่านี้ บางคนให้เหตุผลหลักว่า ไม่อยากอยู่ในอเมริกายุค M-A-G-A หรือ Make America Great Again “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ซึ่งเป็นคำขวัญของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายคนกังวลว่า จะเกิดความรุนแรง หากทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ บ้างกลัวแผนการของ กมลา แฮร์ริส ที่จะเก็บภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ ของคนที่มีสินทรัพย์ 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป แม้นักวิเคราะห์ภาษีมองว่า โอกาสที่แผนเก็บภาษีที่ว่านี้ จะผ่านความเห็นขอบสภาคองเกรสนั้น มีน้อยมาก ต่อให้เดโมแครตครองเสียงข้างมากก็ตาม แต่เหล่าเศรษฐีมองว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ดี
นอกจากนี้ ชาวอเมริกันร่ำรวยยังให้เหตุผลอื่นในการย้ายถิ่นฐาน เช่น เหตุกราดยิง ความรุนแรงทางการเมือง กระแสอคติต่อชาวยิว กระแสเกลียดกลัวอิสลาม และหนี้สาธารณะพุ่งสูง
ส่วนจุดหมายปลายทางที่ต้องการย้ายไปพำนัก หรือขอสัญชาติที่สองมากที่สุด ข้อมูลจาก เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรป ได้แก่ โปรตุเกส มอลตา กรีซ สเปน อิตาลี และ “แอนติกาและบาร์บูดา” ซึ่งเป็นประเทศในแถบแคริบเบียน
#บก.ข่าวทีวี