X

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ

เอบีซี นิวส์ รวบรวมประเด็นที่ทำให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ เป็นการเปิดหน้าใหม่และจะสร้างหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส

โดยถ้าเป็นรองประธานาธิบดีแฮร์ริส จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ก้าวถึงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ ที่หวนคืนทำเนียบขาวหลังจากแพ้เลือกตั้งในสมัยที่สอง ทั้งยังเป็นการกลับมาลงเลือกตั้งใหม่ หลังจากเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรก ที่ต้องคำพิพากษามีความผิดในคดีอาชญากรรม

มาร์ค อัปเดอโกรฟ นักประวัติศาสตร์ด้านประธานาธิบดี ของช่อง เอบีซี นิวส์ กล่าวว่า เราได้ยินแทบทุก 4 ชั่วโมงว่า นี่เป็นการเลือกตั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งก็จริง และอาจสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 1860 ที่อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ท่ามกลางกระแสแตกแยกฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้เรื่องการเลิกทาส ทำให้ชะตากรรมของประเทศแขวนบนเส้นด้าย ศึกชิงทำเนียบขาวของทรัมป์กับแฮร์ริส สำคัญในเชิงประวัติศาสตร์เช่นกัน เพราะเดิมพัน คือประชาธิปไตยและการทูตของสหรัฐอเมริกา

อัปเดอโกรฟ วัย 63 ปี บอกว่า ในชีวิตนี้ เขาไม่เคยเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนขนาดนี้มาก่อน ความแตกต่างในสิ่งที่ผู้สมัครยืนหยัด และนโยบายที่ทั้งสองสื่อสารออกมา โดยเฉพาะแนวทางของทรัมป์ ที่หลุดจากกรอบของบรรดาผู้นำสหรัฐฯในยุคสมัยใหม่ทุกคน

ด้าน แบรนดอน รอตทิงเฮาส์ นักรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยฮูสตัน กล่าวว่า การเสนอชื่อ แฮร์ริส เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต แทนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็เป็นหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ เพราะแทบไม่เคยปรากฏในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร หลังจากการหาเสียงดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้วแบบนี้ และหากชนะ แน่นอนว่า เธอจะทลายกำแพงที่สหรัฐอเมริกา พยายามต่อสู้เพื่อทำลายมาตั้งแต่ทศวรรษ 1920 ดังนั้น สำหรับประเทศที่เผชิญกับความท้าทายมาตลอด ในแง่ของความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติ /การเสนอชื่อและเลือกผู้หญิงผิวสี ถือเป็นความก้าวหน้า

ขณะที่ จิม เคสเลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Third Way.หรือทางเลือกที่่สาม กลุ่มคลังสมองแนวกลาง-ซ้าย ชี้ว่า ถึงเป็นผู้หญิง แต่แฮร์ริสไม่เคยหยิบยกเรื่องเชื้อชาติ หรือเพศสภาพ มาเป็นประเด็นในการหาเสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉลาด เพราะชาวอเมริกันไม่ได้สนใจเรื่องการสร้างประวัติศาสตร์ มากเท่ากับอยากรู้ว่าประเทศจะเดินไปทางไหน

ด้าน แมรี บรูซ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว เอบีซี นิวส์ เสริมว่า ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการหาเสียง เธอถามแฮร์ริสตรง ๆ ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เธออาจจะเป็นคนสร้างขึ้นมา แฮร์ริสตอบว่า เธอรู้ดีเรื่องเพศสภาพและเชื้อชาติ แล้วก็รู้ว่าการทลายกำแพง จะมีความสำคัญมากแค่ไหน แต่เธอไม่คิดว่าชาวอเมริกันจะโหวตให้เธอ เพราะเป็นผู้หญิงหรือมีเชื้อชาติอะไร แต่เธอจะได้คะแนนจากพวกเขา ด้วยแผนการที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

ส่วนทรัมป์นั้น หลังประกาศลงชิงประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน 2022 จากนั้นมาเผชิญกับคดีอาญา 4 คดีที่เข้าสู่ชั้นศาล หนึ่งในสี่คดี ศาลตัดสินแล้วว่า ทรัมป์มีความผิดจากการปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจ เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้ดาราหนังผู้ใหญ่ เพื่อปกปิดความสัมพันธ์ในอดีต ในช่วงท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 (ทรัมป์ประกาศจะอุทธรณ์)

ในการเลือกตั้งขั้นต้น ทรัมป์เจอกับคู่แข่งในรีพับลิกันกว่า 10 คน รวมถึงอดีตรองประธานาธิบดีของตัวเอง ไมค์ เพนซ์ แต่ส่วนใหญ่ถอนตัวตั้งแต่แรก ๆ และทรัมป์ก็ชนะแทบทุกรัฐ ยกเว้นไพรมารีในสองรัฐ และทรัมป์ขึ้นเวทีตอบรับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการบนเวทีประชุมใหญ่รีพับลิกัน ที่เมืองมิลวอคกี รัฐวิสคอนซิน หลังจากรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหาร กระสุนเฉี่ยวใบหู

อัปเดอโกรฟ นักประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี กล่าวว่า ทรัมป์เป็นตัวอย่างของการท้าทาย ล้มแล้วลุกทรัมป์กลับมาทั้งที่ถูกฟ้องถอดถอน หรือ อิมพีช 2 ครั้งในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี , กลับมาหลังเหตุจลาจลม็อบกองเชียร์บุกสภา วันที่ 6 มกราคม , มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย และแหวกบรรทัดฐานประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากชนะ ทรัมป์จะเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรก นับจาก โกรเวอร์ ครีฟแลนด์ ในปี 1892 ที่กลับมาทวงคืนเก้าอี้ หลังจากพ่ายแพ้ในการลงเลือกตั้งสมัยที่สอง

#บก.ข่าวทีวี

อัปเดตรายการ TOPNEWS

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น