อินเดียฝุ่น PM พุ่ง 50 เท่า กระทบทั้งเที่ยวบิน และ ชีวิต
นิวเดลีเผชิญฝุ่น PM รุนแรงพุ่งเกินค่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลก 50 เท่า กระทบทัศนวิสัย ส่งผลต่อเที่ยวบิน
ในวันพุธ กรุงนิวเดลีเมืองหลวงของอินเดียที่มีประชากรกกว่า 30 ล้านคนเจอกับค่าฝุ่นพิษพุ่งสูงถึง 806 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่าสูงสุดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 53 เท่า แต่ผู้คนจำนวนมากในเมืองไม่มีเงินซื้อเครื่องกรองอากาศ และไม่มีบ้านที่สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรหลายพันคน
อินเดียมักเจอฝุ่น PM 2.5 ร้ายแรงทุกปี ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมไปจนถึงอย่างน้อยเดือนมกราคม เนื่องจากอากาศที่เย็นลง และลมที่พัดน้อยลง เก็บกักหมอกควันพิษเอาไว้ สาเหตุหลักของฝุ่นมาจากการเผาในพื้นที่เกษตรในภูมิภาคใกล้เคียง รวมถึงโรงงานและควันพิษจากการจราจร แต่รายงานของนิวยอร์กไทมส์ในเดือนนี้ ซึ่งใช้ตัวอย่างอากาศและดินที่เก็บมาเป็นเวลา 5 ปี เผยให้เห็นรายงานที่น่าตกใจว่า สาเหตุของฝุ่น ส่วนหนึ่งมาจากควันพิษที่พวยพุ่งออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในเมืองด้วย และผู้เชี่ยวชาญพบระดับสารโลหะหนักในระดับที่น่าตกใจ
หมอกควันที่เกิดขึ้นยังบดบังทัศนวิสัย ทำให้เที่ยวบินหลายเที่ยวในภาคเหนือของอินเดียล่าช้า สำนักข่าวเอเอ็นไอรายงานว่า มีเที่ยวบินอย่างน้อย 8 เที่ยวบินที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางจากท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธีของเมือง กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียรายงานว่า หมอกหนาจัดเหล่านี้ ทำให้ทัศนวิสัยลดลงเหลือ 50-200 เมตร และจะยังคงปกคลุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียต่อไปอีก 2-3 วันข้างหน้า
เมื่อเดือนที่แล้ว ศาลฎีกาของอินเดียตัดสินว่า อากาศบริสุทธิ์เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยสั่งให้ทั้งรัฐบาลกลางและหน่วยงานรัฐเร่งแก้ปัญหา แต่บรรดานักวิจารณ์กล่าวว่า การโต้เถียงระหว่างนักการเมืองคู่แข่งที่นำโดยรัฐเพื่อนบ้าน รวมทั้งระหว่างหน่วยงานระดับกลางและระดับรัฐ ทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงขึ้น นักการเมืองถูกกล่าวหาว่า ไม่ต้องการทำให้บุคคลสำคัญในเขตเลือกตั้งของตนโกรธ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่มีอำนาจ
ส่วนทางการของเมืองได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมายเพื่อแก้ปัญหามลพิษ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่ได้ผลมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถบรรทุกน้ำฉีดระงับมลพิษชั่วคราว หรือใช้โดรนขนาดเล็กขึ้นไปฉีดละอองน้ำ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
หมอกพิษที่ปกคลุมกรุงนิวเดลีเกิดขึ้นในขณะที่นักวิจัยเตือนว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำให้โลกร้อนจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อย่างไรก็ดียังไม่พบสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่า โลกกำลังหันเหออกจากลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลตามแผน
#บก.ข่าวทีวี