ไบเดนไฟเขียว ยูเครนถล่มลึกเข้ารัสเซีย
ไบเดนไฟเขียว ก่อนพ้นเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐส่งให้ โจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียได้แล้ว หลังยูเครนพยายามขอมาเป็นปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐ 3 ราย ระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียได้แล้ว ถือเป็นการพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียครั้งใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการเพิ่มการเดิมพันไปกับยูเครนด้วย ทั้งนี้ ยูเครนมีแผนโจมตีระยะไกลครั้งแรกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ มากกว่านี้ เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติการ
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า คาดว่ายูเครนจะนำระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพ (ATACMS) มาใช้ เพื่อโจมตีทหารรัสเซียและทหารเกาหลีเหนือในเขตคุสก์ของรัสเซียเป็นที่แรก ซึ่งการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ ก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นต่อไป ทั้งนี้ การที่สหรัฐฯเชื่อว่า กองกำลังเกาหลีเหนือมีอยู่จริงนั้น ได้ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวของสหรัฐฯ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ทหารเกาหลีเหนือปฏิบัติการอยู่ในรัสเซียจริงหรือไม่ก็ตาม
รายงานระบุต่อว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้ไบเดนจะอนุญาตให้ใช้ระบบไฮมาสที่มีพิสัยใกล้ แต่การให้สิทธิ์การใช้ระบบ ATACMS ซึ่งมีพิสัยประมาณ 190 ไมล์ (หรือ 300 กิโลเมตร)นั้น ถือเป็นสัญญาณของความรุนแรงในระดับใหม่ เพราะขีดความสามารถระยะไกลของ ATACMS จะทำให้ยูเครนสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งและการรวมตัวของทหาร ดังนั้น การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และอาจก่อให้เกิดการตอบโต้โดยตรงจากรัสเซียได้เช่นกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางส่วน จะแสดงความไม่มั่นใจว่า การอนุญาตให้ยูเครนโจมตีระยะไกลได้นั้น จะเปลี่ยนทิศทางโดยรวมของสงครามได้ แต่การตัดสินใจครั้งนี้ ก็อาจช่วยยูเครนในช่วงเวลาที่กองกำลังรัสเซียกำลังได้เปรียบ และอาจทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งการเจรจาที่ดี หากมีการเจรจาหยุดยิงเกิดขึ้นจริง
ด้าน อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิจัยอาวุโสประจำสภาแอตแลนติก ได้แสดงความเห็นว่า การยกเลิกข้อจำกัดการกำหนดเป้าหมาย จะช่วยให้ยูเครนหยุดการสู้รบ ในแบบที่มือข้างหนึ่งถูกมัดไว้ข้างหลังได้ อย่างไรก็ดี ตนมองว่า ประวัติศาสตร์จะบอกว่าการตัดสินใจนั้นมาช้าเกินไป เช่นเดียวกับการส่งยุทโธปกรณ์ต่างๆ เมื่อก่อนหน้านี้ ที่ช้าเช่นกัน ทั้งที่มีความจำเป็นเร็วกว่ามาก
#บก.ข่าวทีวี