อิหร่านซัด EU – อังกฤษ แซงชั่นครั้งใหม่
โดนอีกแล้วอิหร่าน อียู-อังกฤษ ขยายมาตรการแซงชั่น พุ่งเป้าบริษัทชิปปิ้ง สายการบินแห่งชาติและท่าเรือ ฐานส่งอาวุธช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน อิหร่านซัด ใช้ข้อหาโคมลอย มาเล่นงาน
แถลงการณ์หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป หรือ อียู ในกรุงบรัสเซลล์ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ระบุว่า สมาชิกอียูเห็นพ้องห้ามการส่งออก ถ่ายโอน และขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับ จากอียูไปยังอิหร่าน ทั้งยังห้ามการทำธุรกรรมใด ๆ กับท่าเรือ ที่พลเมืองอิหร่านและนิติบุคคลในบัญชีแซงชั่น เป็นเจ้าของ ดำเนินการ หรือควบคุม มาตรการนี้รวมถึงห้ามเข้าถึงบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ “อามีราบัด” และ “อันซาลี” ซึ่งเป็นท่าเรืออิหร่านในทะเลแคสเปียน แต่ยังอนุญาตให้ความช่วยเหลือแก่เรือต่าง ๆ ได้ในบางเงื่อนไข เช่น เหตุผลด้านความปลอดภัย
อียู ยังเห็นพ้องใช้มาตรการคว่ำบาตร บริษัทขนส่งทางเรือของทางการอิหร่าน IRISL (Islamic Republic of Iran Shipping Lines) , นายโมฮัมหมัด เรซา เคียบานี ผู้อำนวยการ IRISL และบริษัทชิปปี้งรัสเซียอีกสามแห่ง ที่ถูกกล่าวหาลำเลียงอาวุธในทะเลแคสเปียน
ก่อนหน้านี้ อียูได้ออกมาตรการแซงชั่นเจ้าหน้าที่อิหร่าน และสายการบินบางแห่งไปบ้างแล้ว จากข้อกล่าวหาเดียวกันคือ ช่วยรัสเซียทำสงคราม
ด้าน อังกฤษก็ประกาศมาตรการแซงชั่นครั้งใหม่กับอิหร่านขนานไปกับอียู โดยสั่งอายัดทรัพย์สินของ บริษัทชิปปิ้งของทางการอิหร่าน สายการบินแห่งชาติ “อิหร่าน แอร์” ฐานขนส่งขีปนาวุธและยุทโธปกรณ์ให้แก่รัสเซียนำไปใช้โจมตียูเครน การอายัดทรัพย์สินจะจำกัดขีดความสามารถของ อิหร่าน แอร์ ในการให้บริการโดยตรงไป-กลับอังกฤษ และป้องกันพลเมืองหรือธุรกิจอังกฤษ ทำธุกรรมกับบุคคลในบัญชีแซงชั่น
นอกจากนี้ อังกฤษยังห้ามเรือสินค้ารัสเซียชื่อ “โอลยา-3” เข้าเทียบท่าอังกฤษ ฐานขนขีปนาวุธจากอิหร่านไปรัสเซียเช่นเดียวกัน
มาตรการของอังกฤษ เพิ่มขึ้นมาจากมาตรการลงโทษอิหร่านเบื้องต้น ที่ประกาศร่วมกับฝรั่งเศสและเยอรมนี หรือที่เรียกว่า E3 เมื่อเดือนกันยายน เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ความพยายามของอิหร่านในการบ่อนทำลายความมั่นคงของโลก เป็นเรื่องอันตรายและยอมรับไม่ได้
ที่กรุงเตหะราน นายเอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ออกแถลงการณ์ประณาม อียูและอังกฤษ ที่ใช้มาตรการแซงชั่นอิหร่านอย่างไม่มีเหตุผล ขาดความชอบธรรม ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธะกรณีของอียูและอังกฤษ ภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA ที่อิหร่านทำกับชาติมหาอำนาจ 5 ชาติ
บาเกอี ย้ำว่า ข้อหาที่ว่าอิหร่านส่งขีปนาวุธทิ้งตัวให้กับรัสเซียนั้น แม้แต่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ของยูเครนเอง ก็ปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีมูล การออกมาตรการโดยพุ่งเป้าไปที่การบินพลเรือนและบริษัทขนส่งทางเรือ เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ
เช่นเดียวกับเสรีภาพในการเดินเรือและการค้าทางทะเล ก็เป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายการเดินเรือระหว่างประเทศ ประเทศที่เกี่ยวข้องในยุโรปต้องรับผิดชอบกับการละเมิดกฎหมายข้อนี้เช่นกัน
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ยังประณามอียูและอังกฤษ ที่ใช้นโยบายแทรกแซงความสัมพันธ์ทางทหารเชิงป้องกันระหว่างสองรัฐ อย่างถูกกฎหมายและชอบธรรม อิหร่านจะใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มี ร่วมมือกับหุ้นส่วน เพื่อปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติต่อไป
#บก.ข่าวทีวี
