X

นักวิเคราะห์ชี้ชะตา ปธน. เกาหลีใต้

นักวิเคราะห์ชี้ชะตา ปธน. เกาหลีใต้

นักวิเคราะห์ชี้ การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล แห่งเกาหลีใต้ คือจุดจบทางการเมืองของเขา และยุนก็ไม่เหลือพันธมิตรทางการเมืองอีกต่อไป

ประธานาธิบดียุน ซอก ยอล แห่งเกาหลีใต้ ได้ทิ้งระเบิดประเทศด้วยการประกาศกฎอัยการศึกแบบฉุกเฉิน เมื่อเวลา 22.21 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 3 ธันวาคม แต่ไม่ถึง 3 ชั่วโมงหลังจากนั้น สมาชิกรัฐสภาจำนวน 190 คน (จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 300 คน) ได้ฝ่ากองกำลังทหารที่พยายามควบคุมอาคารรัฐสภา เข้าไปประชุมสภานิติบัญญัติฉุกเฉินได้สำเร็จ โดยในจำนวนนี้ เป็นสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้าน 172 คน ในขณะที่อีก 18 คน เป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาล จากนั้น ทั้งหมดได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ 190 เสียง ไม่ยอมรับคำประกาศกฎอัยการศึกของยุน ทำให้ในที่สุด กฎอัยการศึกของยุน ต้องถูกยกเลิกไปในช่วงเวลาประมาณ 1.00 นาฬิกาของวันใหม่

ด้านศาสตราจารย์ฮัม ซุงดึก ผู้เชี่ยวชาญประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคยองกี แห่งเกาหลีใต้ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ และยุนได้แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเข้าใจกฎเกณฑ์ประชาธิปไตย รวมถึงเขาไม่มีความมั่นคงทั้งทางร่างกายและอารมณ์เลย ดังนั้น ยุนจึงน่าจะถูกลงโทษจากประชาชน ตอนนี้ ยุนมีทางเลือกอยู่เพียง 2 ทางคือ ลาออกในวันรุ่งขึ้น หรือรอที่จะถูกฟ้องร้อง

ศาสตราจารย์ฮัมระบุต่อว่า หากยุนลาออกด้วยความสมัครใจ นายกรัฐมนตรีฮัน ดั๊คซู ก็จะขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ ในอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้า แต่หากยุนปฏิเสธที่จะลาออก กระบวนการถอดถอนก็จะใช้เวลานานพอสมควร และจะมีการลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นตามมา ทั้งนี้ ในแง่ของทางออนไลน์ ชาวเน็ตส่วนใหญ่ออกมาแสดงความเห็นในแนวโกรธแค้น พร้อมเรียกยุนว่าเป็นเผด็จการ และเรียกร้องให้ถอดถอนยุนออกจากตำแหน่ง

ขณะที่รองศาสตราจารย์เซเลสเต้ อาร์ริงตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศของ Korea Foundation ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันของสหรัฐ ได้แสดงความเห็นกับสำนักข่าว AFP ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมาก ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการขาดประสบการณ์ทางการเมืองของตัวประธานาธิบดีได้ เพราะเขาไม่เคยดำรงตำแหน่งที่ได้รับการเลือกตั้งมาก่อน ดังนั้นบางที เขาอาจจะรู้สึกหงุดหงิดกับแนวทางทางการเมืองในเกาหลีใต้ และหันไปใช้วิธีที่รุนแรงเกินไป และอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมายอีกด้วย

อาร์ริงตันกล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้เป็นเหตุการณ์พลิกผันที่น่าตกใจ ทั้ง 2 พรรคนั้น มีความขัดแย้งกันมาตลอด การจะปะทะกัน 2 พรรค จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่การที่ประธานาธิบดียกระดับเรื่องนี้เป็นกฎอัยการศึกอย่างกะทันหัน ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทั้งนี้ ตนคิดว่าคะแนนนิยมที่ลดลงของเขาในฐานะประธานาธิบดี และเรื่องอื้อฉาวที่เขาต้องเผชิญทั้งกับสมาชิกในรัฐบาลของเขา รวมถึงภรรยาของเขา และความขัดแย้งที่เขามีกับสมัชชาแห่งชาติ คือเหตุผลที่ทำให้ยุนหงุดหงิด แต่ก็ไม่มีใครคาดหวังว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึกเลย

นอกจากนี้ ยังมีนักวิเคราะห์รายอื่นๆ ที่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งของยุน ภาคประชาสังคมของเกาหลีใต้ ไม่น่าจะยอมรับยุนเป็นประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายได้อีกต่อไป อย่างไรก็ดี ในส่วนของสมาชิกพรรคของยุนนั้น ยังน่าชื่นชมที่พวกเขา เลือกที่จะยับยั้งการประกาศกฎอัยการศึกร่วมกับฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ ยุนได้รับคะแนนนิยมที่ต่ำมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยนโยบายหลายอย่างของเขา ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ฝ่ายค้านก็ยังได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย และในการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ ยุนได้มีการกล่าวอ้างว่า มีความจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องประเทศ จากภัยคุกคามของกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี แทนที่ยุนจะอ้างถึงภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ เช่นเรื่องนิวเคลียร์ ยุนกลับทำการโจมตีฝ่ายค้านแทน ว่าเป็นผู้ที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ และจะเป็นผู้โค่นล้มเสรีภาพและประชาธิปไตยของชาวเกาหลีใต้ด้วย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อปกป้องความสงบเรียบร้อยให้ได้ ตามรัฐธรรมนูญ… จากนี้ ทุกสายตาจะจับจ้องว่า แนวทางของยุน จะเป็นอย่างไรต่อไป

#บก.ข่าวทีวี

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น