แทบลอยด์ผู้ดี ตีข่าว คิมจองอึน แบนฮอตดอก
แทบลอยด์ในอังกฤษและสื่อตะวันตกตีข่าว คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ มีคำสั่งห้ามขายหรือปรุงอาหารจากฮอตดอก เพราะเป็นสัญลักษณ์ตะวันตก หากฝ่าฝืนเท่ากับเป็นกบฏ หรือเข้าค่ายแรงงาน ขณะที่การหย่าร้างก็มีโทษเช่นกัน
รายงานคำสั่งห้ามแปลกประหลาดในเกาหลีเหนือล่าสุด มีต้นทางจากแทบลอยด์ เดอะ ซัน ในอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 มกราคม และสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง เช่น นิวยอร์ก โพสต์ หรือ สื่อออนไลน์อย่าง ไวซ์ (Vice) ก็นำไปรายงานต่อ โดยที่ต้นทางก็ไม่ได้ระบุแหล่งที่มา เนื้อหาระบุว่า คิม จอง อึน ที่เดอะซันเรียกว่าเป็นทรราชย์ ประกาศต่อประชาชนว่า การขายเมนูที่มีฮอตดอกเป็นส่วนประกอบ เป็นความผิดเท่ากับการก่อกบฏ ส่วนใครก็ตามที่ปรุงอาหารต้องห้ามเหล่านี้ที่บ้าน จะเสี่ยงกับการถูกเนรเทศไปเข้าค่ายแรงงาน
เดอะ ซัน ระบุว่า เกาหลีเหนือสั่งแบนฮอตดอก แต่การกินเนื้อสุนัข ยังอนุญาตให้ทำได้ในรัฐเถื่อนแห่งนี้ และว่านี่เป็นตัวอย่างล่าสุดของการกวาดล้างสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกมองว่าเป็นวัฒนธรรมตะวันตก
นอกจากนี้ บุนเด-จิเก ซุปรสเผ็ดร้อน หรือหม้อไฟเกาหลี ที่ใช้ฮอตดอก หรือ สแปม (เนื้อกระป๋อง) เป็นส่วนประกอบ ก็ดูเหมือนจะถูกห้ามเช่นกัน บุนเด-จิเก หรือ สตูว์กองทัพ มีต้นกำเนิดจากเนื้อหรืออาหารที่เหลือจากทหารอเมริกันในช่วงสงครามเกาหลี คริสต์ทศวรรษ 1950 แล้วชาวบ้านที่อดอยากในเวลานั้น นำมาปรุงกับพริกแดงและกิมจิเป็นซุป เชื่อว่าเมนูนี้เริ่มเข้าไปในเกาหลีเหนือในปี 2560
รายงานอ้างพ่อค้าหรือแม่ค้ารายหนึ่งในจังหวัด เรียงคัง ทางเหนือของเกาหลีเหนือว่า ไม่มี บุนเดจิเก วางขายในตลาดแล้ว ตำรวจและผู้บริหารตลาด ระบุว่า หากจับได้ว่ามีใครขาย จะถูกปิดร้าน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน วิทยุเอเชียเสรี รายานว่า ทางการเกาหลีเหนือสั่งแบนทั้ง บุนเดจิเก และต๊อกปกกี สตรีทฟู้ดยอดนิยมในเกาหลีใต้
รายงานเดอะ ซัน ระบุด้วยว่า เผด็จการคิม จอง อึน สั่งลงโทษสามีภรรยาที่หย่าร้าง ด้วยการส่งเข้าค่ายแรงงาน 6 เดือน เพื่อให้สำนึกผิด การหย่าร้าง ถือเป็นความผิดมีโทษ เพราะเป็นพฤติกรรมต่อต้านสังคม
หญิงเกาหลีเหนือรายหนึ่ง ที่อ้างว่าถูกลงโทษอยู่ในค่ายแรงงานฐานหย่าร้าง ในจังหวัด พยองคันใต้ เปิดเผยว่า ในค่ายแรงงานที่เธอถูกจำคุกอยู่ มีผู้หญิง 80 คน ชาย 40 คน และผู้หญิงจะโดนลงโทษนานกว่าผู้ชาย
นอกจากนี้ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางการเกาหลีเหนือยังมีคำเตือนไปยังประชาชน ว่า การเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส อาจมีโทษถึงประหาร
#บก.ข่าวทีวี
