ชลบุรี ชื่นชม!! หนุ่มขี่ซาเล้งเก็บ 7 หมื่น ส่ง ตร.ช่วยตามหาเจ้าของ
ชื่นชมหนุ่มซาเล้งน้ำใจงาม เก็บกระเป๋าสตางค์ที่ภายในมีเงินสดมากถึง 70,000 บาทได้ที่บริเวณทางเท้าริมถนนสุขุมวิทใกล้ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา ไม่คิดครอบครอง ซ้ำยังแจ้ง ผญบ.ให้ช่วยพาแจ้งตำรวจประกาศตามหาเจ้าของ
วันที่ 20 มี.ค.68 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นายอุดม สุวรรณฆะนะ ผู้ใหญ่บ้านนาจอมเทียน หมู่ 1 ให้ร่วมเป็นสักขีพยาน กรณีลูกบ้านคือ นายสุรเดช พูลสวัสด์ อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้างซึ่งเก็บกระเป๋าสตางค์ผ้าสีฟ้า ลายช้างที่ภายในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 70 ใบ รวมเป็นเงิน 70,000 บาทที่ตกอยู่บนทางเท้า ริมถนนสุขุมวิท หน้าร้าน B-QUIK ใกล้ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา เพื่อให้ช่วยตามหาเจ้าของ
ผู้สื่อข่าวจึงบันทึกภาพพร้อมถ่ายคลิปวิดีโอที่เกิดเหตุและจำนวนเงินไว้เป็นหลักฐานก่อนที่พลเมืองดีและผู้ใหญ่บ้าน จะพากันเดินทางไปยัง สภ.นาจอมเทียน เพื่อส่งมอบให้กับ พ.ต.ท.สุพรรณ โสภี สารวัตรสอบสวน สภ.นาจอมเทียน ทำการลงบันทึกประจำวันและติดตามหาเจ้าของมารับกลับคืน
จากการสอบถาม นายสุรเดช ซึ่งเป็นพลเมืองดี ทราบว่า ขณะขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างผ่านบริเวณดังกล่าวได้สังเกตเห็นกระเป๋าสตางค์ตกอยู่บนทางเท้าจึงจอดรถลงไปหยิบขึ้นมาดู กระทั่งพบว่าในกระเป๋ามีธนบัตร เป็นจำนวนมาก ด้วยความตกใจและเกรงกลัวว่าอาจมีความผิดเพราะทรัพย์ไม่ใช่ของตนเอง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้รีบมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานว่าตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยว หรือนำทรัพย์สินใดๆ ไป
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวขอบคุณพลเมืองดีที่เคารพต่อกฎหมายและคำนึงถึงจิตใจของผู้เป็นเจ้าของกระเป๋าที่อาจกำลังเป็นทุกข์ เจ้าของเงินสันนิษฐานว่า น่าจะจเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน ตลาดน้ำ 4 ภาค ซึ่งหลังจากนี้จะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อตามหาเจ้าของต่อไป หรือหากผู้ใดเป็นเจ้ากระเป๋าสตางค์ใบดังกล่าว สามารถนำหลักฐานมาติดต่อขอรับคืนได้ที่ สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี
กระทั่ง เวลา 17.00 น. วันเดียวัน นางสนิท ฉ่ำนารายณ์ อายุ 78 ปี ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นาจอมเทียน หลังทราบข่าวว่า มีพลเมืองดีเก็บกระเป๋าสตางค์ที่หายไปได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากภาพกล้องจรปิดหน้าร้าน B-QUIK พบภาพของ นางสนิท ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวจริง
พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.นาจอมเทียน จึงได้ทำการส่งมอบคืนสู่เจ้าของพร้อมบันทึกภาพและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ นางสนิท กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมหลานอีก 2 คนได้พากันมาหลานที่ขายของในตลาดน้ำ 4 ภาค โดยไม่สังเกตเห็นว่ากระเป๋าสตางค์ที่พกติดตัวมาหล่นหาย แม้จะพยายามออกตามหาแต่ไม่พบ กระทั่งได้เงินคืน ดีใจอย่างสุดๆ เมื่อรู้ว่ามีคนเก็บเงินเพราะเงินที่หล่นหายเป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตที่เก็บสะสมไว้เพื่อจะนำไปใช้ดูแลรักษาร่างกายที่เจ็บป่วยด้วยโรคไต และขอชื่นชมในความดีของผู้ที่เก็บเงินได้ และยังนำมาส่งคืนทุกบาททุกสตางค์ จึงขอมอบเงิน 3,000 บาท แทนคำขอบคุณและเป็นขวัญกำลังใจ ให้เขาได้เป็นคนดีของสังคมต่อไป
#บก.ข่าวทีวี