ทร.แถลงสอบเรือหลวงสุโขทัยล่ม สภาพอากาศแปรปรวนฉับพลัน คลื่นสูง 6 เมตร น้ำทะลักทำอับปาง ขณะที่อดีตผู้การเรือประกาศลาออกจากราชการ
9 เมษายน 2567 ที่หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือเอกอะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย พลเรือตรีอภิรมย์ เงินบำรุง คณะทำงานผู้เชี่ยววชาญด้านเทคนิคและคณะกรรมการสอบสวนฯ พลเรือเอกชัยณรงค์ บุญยรัตกลิน คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดชอบทางละเมิด พลเรือโทสุรศักดิ์ สิงขรวัฒน์ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทัพเรือภาคที่ 1 และ นาวาโทพิชิตชัย เถื่อนนาดี อดีตผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย ได้ร่วมการแถลงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยประสบอุบัติเหตุ เมื่อ 18 ธันวาคม 2565 ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 24 นายสูญหาย 5 นาย
โดยพลเรือเอกอะดุง แถลงตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 24 รายและผู้สูญหาย 5 ราย ทั้งนี้นับตั้งแต่เกิดเหตุกองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 คณะ โดยกองทัพเรือมีความต้องการได้วัตถุพยานจริง และตั้งใจที่จะกู้เรือขึ้นมาทั้งลำ แต่เนื่องจากการกู้เรือในความลึก 50 เมตร และกองทัพเรือมีความต้องการแนะนำขึ้นมาทั้งลำโดยไม่มีความเสียหายใดๆ รวมทั้งให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของทีมกู้เรือ ไม่ให้มีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกเพียงแม้แต่คนเดียว ทำให้เกิดข้อจำกัดหลายเรื่อง และไม่มีบริษัทใดเข้าเกณฑ์ อีกทั้งในช่วงเวลาเดียวกันกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา มีหนังสือเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ที่ติดอยู่กับเรือ เมื่อเลือกบริษัทกู้เรือได้แล้วต้องรับความเห็นชอบของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ทางสหรัฐอเมริกายินดีจะช่วยเหลือในการตรวจสอบทุกประเด็นค้นหาผู้เสียหายภายในเรือด้วย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ดังนั้นกองทัพเรือจึงปรับการกู้เรือร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าโทรศัพท์ไม่มีซิมการ์ด จึงไม่ปรากฏข้อมูล ขณะที่กล้องวงจรปิดได้นำส่งกองพิสูจน์หลักฐานกรมสอบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับคำตอบว่า เครื่องเล่นไม่สามารถอ่านได้เนื่องจากชำรุดมาก
จากนั้นกองทัพเรือเปิดวีดิทัศน์รายงานผลสอบเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยล่ม สถานการณ์บนเรือ การติดต่อสื่อสาร และการช่วยเหลือหลังเรือจม สรุปได้ว่ามีผลกระทบจากสภาพอากาศ คลื่นลม แปรปรวนรุนแรง มีคลื่นสูง 6 เมตร ขณะที่เรือหลวงสุโขทัยสามารถเดินเรือได้ในความสูงของคลื่น 2.5 เมตร ทำให้การควบคุมเรือเป็นไปได้ลำบาก ส่วนเสื้อชูชีพมีรวม 120 ตัว การออกเรือครั้งนี้มีกำลังพลขึ้นเรือ 105 นาย ดังนั้นเสื้อชูชีพจึงเพียงพอ และประกาศให้กำลังพลสมทบมารับชูชีพแล้วจำนวน 3 ครั้ง แต่กำลังพลสมทบไม่ได้ไปรับเสื้อชูชีพ
คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปว่า กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ไม่ได้เกิดจากความจงใจของผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัยและกำลังพลบนเรือ แต่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวนอย่างฉับพลัน ทำให้เรือเกิดสภาวะผิดปกติและเกิดจากน้ำเข้าเรือจากรูทะลุ เป็นเหตุทำให้เรือเอียงและอับปาง การตัดสินใจนำเรือกลับสัตหีบของผู้การเรือหลวงสุโขทัยนั้น ซึ่งมีระยะทางไกลและใช้ระยะเวลาเดินทางมากกว่า เป็นดุลพินิจโดยขาดความรอบคอบทำให้เกิดความเสียหาย เชื่อว่าการอับปางของเรือหลวงสุโขทัย มีส่วนเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ใช้ดุลพินิจโดยขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดความเสียหายของผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย เป็นความผิดตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหารพ.ศ 2476 โดยเห็นสมควรลงทันณ์ “กัก” เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งทัพเรือภาคที่ 1 ได้เสนอให้กองทัพเรือได้ดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัยแล้ว พร้อมส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนในความผิดทางอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางสะพาน ที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ขณะที่พลเรือเอกชัยณรงค์ กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด จากผลการสอบสวนได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการจงใจเนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัยจากสภาพอากาศทั้งสิ้น และการตัดสินใจของผู้การเรือหลวงสุโขทัย หันหัวเรือกับสัตหีบสามารถดำเนินการได้ ถือเป็นดุลพินิจของผู้การเรือหลวงสุโขทัย จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่จะต้องรับผิดทางละเมิด ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้าน นาวาโทพิชิตชัย ยอมรับว่า ตามที่ผู้บังคับบัญชาได้ที่แจงเสร็จสิ้นแล้วนั้น ตนในนามของผู้บังคับการเรือ ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้ที่สูญเสีย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัย ผมขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ใดตั้งใจทำให้เกิดขึ้น ผมและกำลังพลทุกนายได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถ เพื่อกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น การนำเรือกลับสัตหีบจึงมาจากการใช้ดุลพินิจของผม ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เรือยังอยู่ในสภาวะปกติไม่เอียง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือสามารถควบคุมได้ จึงเชื่อว่าสามารถนำเรือกลับได้ แต่หลังจากที่ตัดสินใจนำเรือกลับ เกิดการแปรปรวนเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพอากาศเลวร้ายกว่าเดิม ซึ่งการตัดสินใจของผมอาจเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่รอบคอบ ดังนั้นผมในฐานะผู้บังคับการเรือ ขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ต่างๆ ขอยอมรับโทษตามกองทัพเรือภาคที่ 1 และผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะเห็นควร นอกจากนี้แล้ว หลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมขอแสดงโจทย์จำนงลาออกจากราชการ พร้อมทั้งยืนยันว่าผลการสอบสวนทั้งหมดไม่ได้มีการปกปิด และไม่ผิดไปจากข้อเท็จจริง
จากนั้นพลเรือเอกอะดุงได้กล่าวปิดท้ายการแถลงข่าวพร้อมทั้งชื่นชม อดีตผู้การเรือหลวงสุโขทัย เป็นลูกผู้ชาย ใครไม่เป็นทหารไม่รู้ เพราะตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร มาเป็นผู้การเรือต้องมีใจรัก ซึ่งการเป็นผู้การเรือเกรด A ของกองทัพเรือ เมื่อนำทัพทหารไปสูญเสีย ได้แสดงสปิริต ถ้าเขาไม่ลาออกก็ยังสามารถอยู่ได้ แต่ขอขอบคุณที่รักษากองทัพเรือไว้