– เปิดเบื้องหลัง ความเสียหายที่เล็กน้อยของอิสราเอล แม้จะถูกอิหร่านถล่มด้วยโดรนและขีปนาวุธชุดใหญ่กว่า 300 ลูก
-ในที่สุด อิหร่านก็ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล ตอบโต้กลับที่อิสราเอลถล่มสถานทูตอิหร่านในซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา การโจมตีครั้งนี้ ถือเป็นการโจมตีที่ตรงเข้าอิสราเอลเป็นครั้งแรก หลังจากที่มีความเป็นปฏิปักษ์ยาวนานมาหลายสิบปี และทำสงครามหรือโจมตีกันแบบอ้อมๆมาตลอด อย่างไรก็ดี การโจมตีครั้งนี้ของอิหร่าน แม้จะถล่มด้วยโดรนและขีปนาวุธชุดใหญ่กว่า 300 ลูก แต่อิสราเอลก็บอกว่า ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายเลย
-โดยทางพลเรือโทแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล หรือ IDF ได้แถลงว่า การโจมตีโดยตรงจากอิหร่านครั้งแรก ประกอบด้วยโดรน 170 ลำ จรวดร่อน 30 ลูก ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ถูกยิงตกก่อนถึงอิสราเอล ส่วนขีปนาวุธนำวิถี 120 ลูก ได้ถูกอิสราเอลใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล แอร์โรว์ ทรี สกัดไว้ได้ แต่จะมีก็เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ที่หลุดรอดระบบป้องกันไปได้ และไปทำให้ฐานทัพอากาศเนวาทิม ในทะเลทรายเนเกฟ ทางตอนใต้ของอิสราเอล ได้รับความเสียหาย แต่ก็เสียหายเล็กน้อยเท่านั้น แผนล้างแค้นของอิหร่านจบลงด้วยการที่อาวุธทั้งหลาย ที่ส่งเข้าไปถล่มอิสราเอล ถูกยิงตกไปถึง 99% ซึ่งนี่ก็เป็นคำกล่าวอ้างของอิสราเอล
-อย่างไรก็ดี เบื้องหลังการยิงสกัดครั้งนี้ ไม่ได้อาศัยระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายชั้นของอิสราเอลเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้พันธมิตรที่เหนียวแน่นอย่างสหรัฐ สหราชอาณาจักร มาร่วมด้วยช่วยกัน นอกจากนี้ ยังมีฝรั่งเศสและจอร์แดน ที่แม้จะวิจารณ์สงครามกาซ่าอยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังมาช่วยสอยโดรนอิหร่านที่ผ่านน่านฟ้าไปอีกด้วย โดยอ้างว่า เป็นการทำเพื่อรักษาความปลอดภัยเหนือน่านฟ้า
-ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ระบุว่า เรือรบและเครื่องบินสหรัฐ สกัดโดรนได้กว่า 70 ลำ และขีปนาวุธนำวิถี 3 ลูก แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า ใช้เครื่องมืออะไรในการทำลายอาวุธที่ยิงมาจากอิหร่าน อิรัก ซีเรีย และเยเมน ก่อนที่จะมาถึงอิสราเอล แต่ทางสำนักข่าว CNN รายงานว่า เรือรบสหรัฐใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธเอจิส บนเรือพิฆาต 2 ลำ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สกัดขีปนาวุธนำวิถีอิหร่านไปได้อย่างน้อย 3 ลูก
-ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐก็ได้กล่าวว่า สหรัฐเตรียมรับมือการโจมตีจากอิหร่านเพื่อปกป้องอิสราเอลมาหลายวันแล้ว โดยมีการขยับตำแหน่งเรือพิฆาตที่มีระบบป้องกันขีปนาวุธนำวิถี เข้าไปในภูมิภาค ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอบคุณการประจำตำแหน่งและทักษะพิเศษของทหารอเมริกัน ที่ช่วยอิสราเอลสกัดโดรนและมิสไซล์ได้เกือบทั้งหมด
-ด้านอิสราเอลเองนั้น ก็มีระบบป้องกันทางอากาศหลายชั้น ที่สามารถรับมือกับจรวดและขีปนาวุธได้หลายแบบ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพมาตลอดหลายปี ทั้งที่สู้รบกับฮามาส และกองกำลังตัวแทนอิหร่านในภูมิภาค โดยระบบที่รู้จักกันดี คือไอเอิร์นโดม ที่มีความแม่นยำสูง และเดวิด สลิง ระบบป้องกันทางอากาศ ที่อิสราเอลร่วมพัฒนากับบริษัทของสหรัฐ ซึ่งสามารถยิงสกัดกั้นและทำลายเป้าหมายไกลถึง 300 กิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ก็มีระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล แอร์โรว์ ทรี มาช่วยสกัดอีกด้วย
-สำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธ แอร์โรว์ ทู และ แอร์โรว์ ทรีนั้น อิสราเอลร่วมพัฒนากับสหรัฐ โดยแอร์โรว์ ทู ซึ่งอัปเกรดมาจากระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐ จะเป็นการยิงจรวดขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ก่อนทิ้งตัวลงทำลายเป้าหมายในบรรยากาศชั้นบน ส่วน แอร์โรว์ ทรีนั้น สามารถยิงทำลายเป้าหมายในบรรยากาศชั้นสูงได้เลย ซึ่งในครั้งนี้ ก็มีคลิปจากกองทัพที่แสดงให้เห็นนาทีที่แอร์โรว์ ทรี ทำลายขีปนาวุธนำวิถีกลางอากาศ โดยเห็นเป็นแสงวาบสีม่วงบนฉากหลังที่มืดมิด และเมื่อสกัดขีปนาวุธได้ ก็จะมีเสียงดังคล้ายระเบิด ซึ่งก็ดังไปทั่วทั้งอิสราเอล
-ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของกองทัพได้อธิบายว่า โดรนที่บินมา ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงอิสราเอล ส่วนจรวดร่อนอาจใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงเป้าหมาย แต่ขีปนาวุธนำวิถี ใช้เวลาสั้นกว่า คือประมาณ 10 นาทีเท่านั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายกว่า สำหรับระบบสกัดกั้น ซึ่งก็มีบางส่วนหลุดรอดระบบป้องกันของอิสราเอล โจมตีไปถึงฐานทัพอากาศในทะเลทรายเนเกฟ ที่เชื่อว่าเป็นเป้าหมายหลักของอิหร่าน เพราะเป็นที่ประจำการเครื่องบินรบสุดล้ำ F-35 เครื่องบินที่มีรายงานว่า อิสราเอลใช้ในการโจมตีสถานทูตอิหร่านในเมืองหลวงซีเรีย
-อย่างไรก็ดี เมื่อเอ่ยถึงความเสียหายของฐานทัพอากาศแห่งนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างมีการรายงานที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง โดยทางสื่อในอิหร่านนั้น ได้รายงานว่า ฐานทัพแห่งนี้โดนขีปนาวุธอิหร่าน 15 ลูก และได้รับเสียหายหนัก แต่ทางการของอิสราเอลได้รีบออกแถลงว่า เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย พร้อมกับเผยคลิปเครื่องบิน F-35 และ F-15 ลงจอดหลังจากปฏิบัติภารกิจยิงทำลายอาวุธจากอิหร่าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ฐานทัพยังใช้งานได้ตามปกติ
#บก.ทีวี
