X

สิงคโปร์เตรียมเปลี่ยนโฉมรัฐบาล หลังนายกฯ นั่งอยู่ในอำนาจ 20 ปี

-กลางเดือนพฤษภาคม สิงคโปร์จะมีการเปลี่ยนโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ครั้งใหญ่ เมื่อนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงวัย 72 ปี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศ ประกาศจะลงจากตำแหน่ง หลังนั่งเก้าอี้นายกฯมานานถึง 20 ปี และจะมีการส่งไม้ต่อให้กับรองนายกรัฐมนตรีลอเรนซ์ หว่อง ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้ ได้มีการเตรียมการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้
-ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ จะประกาศลงจากตำแหน่ง ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2024 และลีจะส่งคำแนะนำไปถึงประธานาธิบดี ให้แต่งตั้งนายลอเรนซ์ หว่อง วัย 51 ปี ที่ตอนนี้ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งหลังจากนั้น หว่องก็จะทำการสาบานตนรับตำแหน่งในวันเดียวกันทันที
-สำหรับหว่องนั้น ได้ถูกวางตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรค PAP และได้รับเสียงสนับสนุนที่เป็นเอกฉันท์จากสมาชิกภายในพรรคด้วย นอกจากนี้ หว่องยังถือเป็นตัวเก็งที่ไร้คู่แข่ง เมื่อรองนายกรัฐมนตรีเฮงสวี คีท วัย 63 ปี ประกาศถอนตัวจากตำแหน่งว่าที่ ด้วยเหตุผลว่า มีอายุมากแล้ว
-ทั้งนี้ หลังจากที่ภาพจำของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ จะอยู่ที่ลี เซียนลุงมาถึง 20 ปี มาในวันนี้ อำนาจของตำแหน่งผู้นำประเทศ ที่มีค่าตอบแทนติดอันดับสูงที่สุดในโลก ที่ปีละ 2.2 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 59 ล้านบาท กำลังจะเปลี่ยนไปสู่หว่อง ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป แล้วหว่องนั้นคือใคร เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำประเทศมากน้อยแค่ไหน
-ลอเรนซ์ หว่อง เกิดและเติบโตมาในครอบครัวระดับธรรมดา ด้วยความที่มีแม่เป็นครู ทำให้หว่องถูกปลูกฝังถึงวินัยและความรับผิดชอบ จนเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ที่เมื่อลงมือทำอะไรแล้ว ต้องทำอย่างเต็มที่ โดยหว่องนั้น จะชอบการอ่านหนังสืออย่างมาก และยังชอบฝึกกีต้าร์ด้วย ซึ่งก็ยังเล่นอยู่จนถึงทุกวันนี้
-ด้านการศึกษา หว่องได้รับทุนไปเรียนปริญญาตรีและโททางด้านเศรษฐศาสตร์ที่สหรัฐ แต่หว่องยังไม่หยุดการเรียนเพียงแค่นั้น เพราะหว่องได้คว้าปริญญาโทอีกใบในด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากฮาร์วาร์ด เคเนดี สคูล มาด้วย และก่อนมาเล่นการเมืองนั้น หว่องรับราชการอยู่นานถึง 14 ปี มีประสบการณ์อยู่หลายตำแหน่งทั้งในกระทรวงการคลังและสาธารณสุข ซึ่งหว่องมักจะเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นคนคิดนโยบาย
-แล้วโอกาสที่ทำให้หว่องได้เปลี่ยนเส้นทางมาสู่การเมืองก็คือ การได้รับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ในปี 2005 – ปี 2008 ต่อมาในปี 2011 หว่องชนะเลือกตั้งเป็นส.ส. และได้ชิมลางกับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้านการศึกษาและกลาโหม หลังจากนั้น หว่องก็ผ่านงานในอีกหลายกระทรวง จนในปี 2020 หว่องก็ฉายแววกับการเป็นรองประธานคณะทำงานเฉพาะกิจ รับมือโควิด 19 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับคำชมในการควบคุมโรคที่ระดับดีเยี่ยม ครั้งนั้น หว่องเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี เพราะมักจะออกแถลงข่าวอยู่ตลอด
-ต่อมา เมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี หว่องก็ถูกโยกมาเป็นรัฐมนตรีคลัง ซึ่งนั่นนับเป็นสัญญาณแรกของการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ และยิ่งมาตอกย้ำชัดอีกครั้ง เมื่อหว่องได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มเข้ามา ซึ่งถือเป็นการยืนยันได้เลยว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหว่อง อยู่ที่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น และในที่สุด ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกแถลงการณ์ที่ประกาศชัดเจนแล้วว่า กลางเดือนพฤษภาคมที่กำลังจะมาถึง โลกจะได้เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ของสิงคโปร์ ที่จะได้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในรอบ 20 ปี
#บก.ข่าวทีวี

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น