X

ราชทัณฑ์ โบ้ยคุมประพฤติตอบ ‘ทักษิณ’ คุยชนกลุ่มน้อยเมียนมา ผิดเงื่อนไขหรือไม่

“อธิบดีกรมราชทัณฑ์” แจงกรณี “ทักษิณ” พบชนกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธเมียนมา เป็นดุลพินิจของ “อธิบดีกรมคุมประพฤติ” ตรวจสอบข้อเท็จจริง ประเมินผิดเงื่อนไขพักโทษหรือไม่ ชี้ หากผิดเงื่อนไขรุนแรงต้องส่งกลับเรือนจำฯ ถ้าไม่รุนแรงต้องตักเตือน ทำความเข้าใจ

จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ภายใต้การกำกับ และควบคุมของกรมคุมประพฤติ โดยมีสื่อต่างประเทศรายงานว่า “ทักษิณ” ได้หารือกับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ เพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมา และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมา โดยเว็บไซต์ Aseannow.com รายงานว่า การพบปะดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนที่ผ่านมา

อีกทั้งนายทักษิณ ได้พบกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง / สภากอบกู้รัฐฉาน / พรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี / และองค์การแห่งชาติกะฉิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา หลังการยึดอำนาจโดยรัฐบาลทหาร เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่นำโดย ออง ซาน ซูจี การจับอาวุธขึ้นต่อสู้ได้ลุกลาม และแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของเมียนมา

ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองไม่รู้ว่ามีการเข้าไปช่วยเจรจาหรือไม่ ส่วนของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานด้านความมั่นคงมีการพูดคุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความลับ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (8 พ.ค.) นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยถึงกรณีนายทักษิณ หลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยโครงการสงวนและอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวในที่ราชพัสดุจังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ อาคารกรมราชทัณฑ์ ว่า จากกรณีดังกล่าวคงต้องไปตรวจสอบจากข้อเท็จจริงก่อน จากนั้นต้องไปดูเงื่อนไขที่กรมคุมประพฤติต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ตนเองยังสรุปไม่ได้ว่ากระทำได้ หรือไม่ได้ คาดว่าทางกรมคุมประพฤติอาจอยู่ระหว่างพิจารณาว่าตรงไหนที่อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถกระทำได้ หรือไม่ได้ ก็คงจะต้องพูดคุย และทำความเข้าใจกับอดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ

นอกจากนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนความประพฤติใดของผู้ที่อยู่ระหว่างการพักโทษที่ไม่ถูกต้อง ทางกรมคุมประพฤติก็จะเป็นผู้แจ้ง และให้ผู้ถูกคุมประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ส่วนกรณีจะต้องส่งผู้ถูกคุมประพฤติกลับเรือนจำนั้น ต้องเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ซึ่งถ้าหากผิดเงื่อนไข แต่ไม่ได้รุนแรงก็สามารถทำความเข้าใจ บอก หรือตักเตือนได้ ส่วนจำนวนครั้งของการตักเตือนค่อนข้างมีความยืดหยุ่น เพราะบางครั้งผู้ที่อยู่ระหว่างพักโทษอาจจะไม่ทราบ หรือเข้าใจว่าทำได้ ดังนั้น กรมคุมประพฤติจะต้องไปทำความเข้าใจ เป็นดุลพินิจของนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความพยายามเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งอาจจะประสานใช้สถานทูตไทยประเทศหนึ่งเป็นสถานที่ในการรายงานตัว ว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ประสานจะใช้สถานทูตไทยประเทศหนึ่งเป็นสถานที่ในการรายงานตัว และยังไม่มีการประสานมา คือ จริงๆ แล้วกรณีบุคคลใดก็ตามที่อยู่ต่างประเทศ เขาจะต้องประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะที่ผ่านมา เวลาใครจะกลับเข้ามาก็ต้องประสานกับตำรวจไว้ เนื่องจากตำรวจจะต้องไปรับตัว และนำส่งศาล จากนั้นศาลก็จะอ่านคำพิพากษา และราชทัณฑ์จึงจะไปรับตัวมา ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเรา เป็นอำนาจของตำรวจ

เมื่อถามว่านางสาว ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล หรือทางครอบครัวได้ประสานในเรื่องนี้หรือไม่นั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ยังไม่มีเรื่องนี้เข้ามา

#อธิบดีกรมราชทัณฑ์ #ทักษิณ #คุยชนกลุ่มน้อยเมียนมา #ผิดเงื่อนไขพักโทษ #อธิบดีกรมคุมประพฤติ #ยิ่งลักษณ์ #ประสานขอกลับประเทศ #ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง #ตม #TopNews #ท็อปนิวส์

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น