X

พิชิตลาออก ระเบิดเวลา “เศรษฐา” นั่งนายกฯ

การเมืองเปลี่ยนแปลงพลิกผันไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการยื่นหนังสือลาออกของนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งกลายเป็นอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหลังจากนั่งเก้าอี้ได้เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน โดยการลาออกครั้งนี้น่าจะมาจากปมปัญหาเรื่องการขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีที่ถูก 40 สว.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

การชิงลาออกของนายพิชิต ถือเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องว่า จะรับหรือไม่รับในวันที่ 23 พ.ค.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกฟ้องร้อง แต่ชิงจังหวะลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องไว้วินิจฉัย

ฉากระทึกของเรื่องนี้ จึงตกไปอยู่ที่ตัวของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว เพราะการลาออกของนายพิชิตไม่ได้มีผลต่อคำร้องของ 40 สว.ที่ยื่นตรวจสอบนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด กล่าวคือ แม้นายพิชิตจะพ้นวิบากกรรม แต่นายกฯยังต้องเผชิญชะตากรรมต่อไป

ทั้งนี้ว่ากันว่าในวันที่ 23 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะมี 3 แนวทางเท่านั้น คือ

1. ไม่รับคำร้อง เนื่องจากผลของการที่นายพิชิตลาออกจึงทำทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องไว้วินิจฉัย แต่แนวทางนี้เป็นไปได้ยาก เพราะคำร้องที่ 40 สว.ยื่นนั้นได้ขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีจากการนำชื่อเสนอนายพิชิตทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องเฉพาะนายเศรษฐาไว้พิจารณาวินิจฉัย ส่วนคำร้องของนายพิชิตถือว่าตกไป เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งก่อนการพิจารณารับเรื่อง

2.รับคำร้อง แต่ไม่สั่งให้นายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากออกสูตรนี้จะทำให้ นายกฯยังทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากนั้นก็ไปสู้คดีในฐานะผู้ถูกร้อง โดยเริ่มจากทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

3.สั่งให้นายเศรษฐา หยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันทีหลังรับคำร้อง นั่นเท่ากับว่า นายกฯ จะถูกพักงานไว้ชั่วคราวทันที โดยมีแค่ตำแหน่ง แต่ทำงานราชการไม่ได้ แม้แต่รถหลวงก็ไม่สามารถใช้ได้เช่นกัน

นั่นคือฉากแรกที่นายเศรษฐาจะต้องฝ่าฟันให้ได้ แต่ฉากจบอาจจะดุเดือดยิ่งกว่าหากนายเศรษฐาถูกศาล รธน.สอยร่วง ผลที่ตามมาคือต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นหมายถึง ครม.ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

ด้วยอุบัติเหตุการเมืองนี้นายทักษิณ ชินวัตร อาจต้องดัน อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองทองธาร ชินวัตร บุตรสาวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีขึ้นมาดำรงตำแหน่งก่อนเวลาอันควร อีกทั้งเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาล ฟอร์ม ครม.กันใหม่หมด

ขณะที่นายเศรษฐายังต้องประสบวิบากกรรมซ้ำสองจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่เป็นคุณ คือ นายเศรษฐาจะขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ตาม รธน.มาตรา 160 (4) และ (5) ในเรื่องความซื่อสัตย์ และจริยธรรมตลอดไป จึงทำให้ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรีได้อีกต่อไป ตราบที่ยังใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ชีวิตการเมืองของนายเศรษฐาถือว่าปิดฉากลงอย่างสิ้นเชิง

นี่คือวิบากกรรมทั้งหมดอาจเกิดขึ้นจริงกับกับนายเศรษฐา และจากนี้ไปคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะถือเป็นบรรทัดฐานการเมืองในเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่นายกฯพึงต้องระวังในการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่ออย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นเก้าอี้นายกฯ จะหลุดไปได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น