นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์กถูกทำร้ายกลางกรุงโคเปนเฮเกน เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่า อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เนื่องจากคนร้ายมีอาการมึนเมาคล้ายเสพยา ส่วนนายกฯ ต้องยกเลิกกิจกรรมออกไปทั้งหมด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเม็ตเต้ เฟรดเดอริกสัน ของเดนมาร์ก ถูกทำร้ายขณะที่เธอลงพื้นที่ที่ย่านเมืองเก่าของกรุงโคเปนเฮเกน พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายเป็นผู้ชาย และได้เดินตรงเข้าไปหาผู้นำเดนมาร์ก ก่อนจะใช้แส้ฟาดไปที่บริเวณบ่าของเธออย่างแรง จนนายกฯหญิงถึงกับเข่าทรุดลงไป ส่วนคนร้ายก็พยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตะครุบตัวเอาไว้ได้ทัน
หลังเกิดเหตุ เฟรดเดอริกสันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งคณะแพทย์ที่ทำการรักษาบอกว่า ผู้นำหญิงวัย 46 ปีอาการปลอดภัยแล้ว อาการบาดเจ็บไม่รุนแรง แต่มีอาการตกใจและช็อค ซึ่งทางสำนักนายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก ได้สั่งงดภารกิจทั้งหมดของเฟรดเดอริกสันออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ เหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนเดนมาร์ก เข้าร่วมการเลือกตั้งของสหภาพยุโรปเพียง 2 วันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีรอเบิร์ต ฟิโก ของสโลวาเกีย ถูกจ่อยิงไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม โดยฟิโกมีอาการสาหัสต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่เคราะห์ดีที่ไม่เสียชีวิต
สำหรับคนร้ายนั้น เป็นชายชาวโปแลนด์วัย 39 ปี เขาได้ถูกนำตัวขึ้นให้ปากคำต่อศาลเรียบร้อยแล้ว โดยคนร้ายไม่ยอมรับผิดใดๆทั้งสิ้น และบอกกับศาลว่า เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้เลย ขณะที่ผลการตรวจร่างกายของคนร้ายก็ระบุว่า ผู้ต้องหามีอาการมึนเมาคล้ายเสพยาหรือดื่มเหล้า และมีอารมณ์ไม่ปกติ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงคาดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับแรงจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนอยางละเอียดต่อไป และจะควบคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ 12 วัน หรือจนถึงวันที่ 20 มิถุนายนนี้ เพื่อป้องกันคนร้ายหลบหนี โดยในเบื้องต้นนั้น ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยทำร้ายร่างการเจ้าพนักงานรัฐ
หลังเกิดเหตุบรรดาผู้นำประเทศสหภาพยุโรป ต่างออกมาประณามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสได้โพสต์ผ่าน X ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขณะที่นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานสหภาพยุโรป ก็โพสต์ผ่าน X เช่นกันว่า เขารู้สึกโกรธต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอประณามการกระทำที่ก้าวร้าว ส่วนนางเออร์ซูล่า ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็ประณามเหตุทำร้ายผู้นำหญิงว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ
ขณะที่ประชาชนในเดนมาร์กได้แสดงความเห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ไม่บ่อยนักที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นที่นี่ในเดนมาร์ก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ที่ผู้คนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากังวล ที่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเดนมาร์ก เพราะผู้คนต่างเชื่อกันเสมอว่า ประเทศนี้เป็นสังคมที่ปลอดภัยมาก ปกติเรื่องแบบนี้ไม่ควรได้เกิดขึ้นเลย
สำหรับเฟรดเดอริกสันนั้น เธอเป็นหัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดของพรรคร่วมรัฐบาลเดนมาร์ก เฟรดเดอริกสันชนะเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2019 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของเดนมาร์ก โดยขณะนั้น เธอมีอายุเพียง 41 ปีเท่านั้น ต่อมาในปี 2022 เธอก็ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้ จากการได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป
และสำหรับการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ที่จัดขึ้นทั่วสหภาพยุโรประหว่างวันที่ 6 ถึง 9 มิถุนายนนั้น ทางโพลิติโก สื่อทางการเมืองของสหรัฐได้รายงานว่า การเลือกตั้งในเดนมาร์กจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ซึ่งพรรคสังคมประชาธิปไตยของเฟรดเดอริกสันนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำในการแข่งขันครั้งนี้
# บก.ข่าวทีวี
