“รัดเกล้า” เผยไทย-ติมอร์ฯ กระชับสัมพันธ์ ร่วมลงนามฟรีวีซ่าท่องเที่ยว ระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน

“รัดเกล้า” เผย ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์–เลสเต กระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ร่วมลงนาม Free visa เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน

Top news รายงาน วันนี้ (22 มิถุนายน 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์–เลสเต เดินหน้ากระชับความร่วมมือและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ผ่านร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ซึ่งได้มีการลงนามในช่วงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความมั่นคงของติมอร์ ระหว่างวันที่ 20-21 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

ข่าวที่น่าสนใจ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ติมอร์มีความประสงค์จะจัดทำความตกลงฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของไทยและติมอร์เพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับการเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์ ติมอร์จึงได้เสนอขอจัดทำความตกลงฯ เพื่อขอให้ฝ่ายไทยพิจารณา ซึ่งที่ประชุม ครม. (18 มิถุนายน 2567) ได้มีมติเห็นชอบแล้วตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญ อาทิ

– ความตกลงฉบับนี้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคคลสัญชาติไทยและบุคคลสัญชาติติมอร์เดินทางเข้าดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องมีการขอรับการตรวจลงตรา เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน

– มีผลบังคับใช้ 30 วันนับจากวันที่ได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายโดยคู่ภาคีว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตนเพื่อให้ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถูกบอกเลิกโดยคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง

– ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจระงับการปฏิบัติตามความตกลงฉบับนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ การรักษาความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือสาธารณสุข โดยการระงับและการเพิกถอนการระงับดังกล่าวจะต้องทำโดยการบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรต่อภาคีอีกฝ่ายหนึ่งผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย 30 วันล่วงหน้า เป็นต้น

โดยความตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยจะมีผลเชิงบวกต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย – ติมอร์ ในภาพรวมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนความสัมพันธ์ระดับประชาชน

 

ทั้งนี้ กต. แจ้งว่า ร่างความตกลงฯ มีถ้อยคำและบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น ร่างความตกลงฯ จึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้องขอความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามและดำเนินการให้มีผลผูกพัน แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ขอให้ กต. สามารถดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นักวิชาการ" ชี้เหตุตึกสตง.ถล่ม โยงปัญหาโครงสร้างคอนกรีต ควรเร่งตรวจสอบ 2 จุดใหญ่ "วิศวกรอาสา" แจงเกรดเหล็กเส้นไม่เหมาะอาคารสูง
เหนือ-อีสาน อากาศร้อนจัด 31 จว.เฝ้าระวัง รับมือพายุฤดูร้อน ลูกเห็บตก กทม.เจอฝน 40 %
กทม.อัปเดตล่าสุด เหตุแผ่นดินไหว เร่งแก้ไขปัญหาจราจร พรุ่งนี้เปิดทางด่วนดินแดง-รถไฟฟ้ายกเว้นสีชมพู
สวธ. เปิดเวทีประชุมวิชาการ "สงกรานต์ศึกษา" ชวนคิดต่อยอดประเพณีสงกรานต์ไทยสู่ระดับโลก
ปณต และ ปารัช 2 พี่น้องซิว โอเพ่น คลาส สวิง เจเอที-เอ็นบี3ฯ สนามสุดท้าย ที่ระยอง
“เอกนัฏ” อึ้ง เห็นความผิดปกติ “ตึกสตง.” ถล่ม สงสัยเหล็กเส้นทำไมพบผู้ผลิตรายเดียว
"นิพนธ์" ยืนกรานค้านร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ชี้รัฐวางแผนใช้พื้นที่ 10% สร้างกาสิโน ขนาดใหญ่มาก เชื่อผลร้ายสังคมมากกว่าผลดีปท.
“เอกสิทธิ์” เปิดตัว “พรรคปวงชนไทย” นำทีมกก.บห.ประกาศนโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ
“อนุทิน” ลงพื้นที่ทางด่วนดินแดง แก้ปัญหาเครนถล่ม กำชับต้องอยู่บนความปลอดภัย
"สตง." ออกเอกสาร ยันกระบวนการก่อสร้างตึกใหม่โปร่งใส เร่งตั้งศูนย์ประสานช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น