“พิชัย” ชี้ศก.ยังย่ำแย่ ฝาก 4 เรื่องใหญ่ “แบงก์ชาติ” เร่งดำเนินการ ย้ำธปท.ต้องช่วยพัฒนาปท.ไม่ใช่แค่กำกับ ควบคุม กลไกการเงิน

"พิชัย" ชี้ศก.ยังย่ำแย่ ฝาก 4 เรื่องใหญ่ "แบงก์ชาติ" เร่งดำเนินการ ย้ำธปท.ต้องช่วยพัฒนาปท.ไม่ใช่แค่กำกับ ควบคุม กลไกการเงิน

“พิชัย” ชี้ศก.ยังย่ำแย่ ฝาก 4 เรื่องใหญ่ “แบงก์ชาติ” เร่งดำเนินการ ย้ำธปท.ต้องช่วยพัฒนาปท.ไม่ใช่แค่กำกับ ควบคุม กลไกการเงิน    Top News รายงาน 

 

 

“พิชัย” ชี้ ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังต้องเร่งแก้ไข และควรขยายกรอบเงินเฟ้อ  จี้ “แบงก์ชาติ” ดำเนินการ 4 เรื่อง  ลดช่วงห่างเงินกู้-เงินฝาก กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่แข่งขันได้  เพิ่มสภาพคล่องที่ฝืดเคือง และ สนับสนุนการแก้ไขหนี้ที่สูงมาก แนะต้องอย่าคิดได้แค่กำกับควบคุม แต่ต้องคิดด้วยว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิขัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ การพาณิชย์ การเงินการคลัง พลังงาน การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า สถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ไทยอยู่ในอันดับที่ 25 ขึ้นมา 5 อันดับจากอันดับที่ 30 และเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ สาเหตุหลักจากปัจจัยการค้าระหว่างประเทศ ที่ไทยอันดับดีขึ้นจากปีก่อนถึง 23 อันดับ จากอันดับ 29 ในปี 2566 มาอยู่ที่อันดับ 6 แสดงถึงการยอมรับของประเทศไทยในนานาชาติดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน เดินทางไปพบผู้นำและนักลงทุนของประเทศต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ความสามารถแข่งขันของประเทศไทยจจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังย่ำแย่และยังมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ต่อไปอีก ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไข ทั้งนี้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจที่สะสมกันมาเป็นระยะเวลานาน จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำมากมาเป็น 10 ปี ทำให้รายได้ของประชาชนไม่เพิ่มแต่รายจ่ายเพิ่ม เป็นผลทำให้หนี้สินพุ่งสูง ดังนั้นการจะแก้ไขโดยเร็วในระยะเวลาสั้นๆคงเป็นไปไม่ได้ โดยหนี้ครัวเรือนก็พุ่งเกิน 90% ของจีดีพีแล้วตั้งแต่รัฐบาลเข้ามา ปัจจุบันอยูุ่ที่ 91.3% และ หนี้สาธารณะเดิมก็สูงกว่า 61%แล้ว และ ปัจจุบันสูงถึง 63.78% อีกทั้งปัญหาหนี้เสียในระบบจะมีเพิ่มขึ้นอีกมาก ตามที่เคยเตือนตั้งแต่หลายปีแล้วว่าปัญหาหนี้สินจะเป็นระเบิดเวลาของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาหนี้สินจึงเป็นเรื่องหลัก และ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ทั้งนี้ตามที่ผู้ว่าฯ ธปท. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศมีหลายประเด็นที่น่าจะเข้าใจไม่ตรงกัน และ ท่านผู้ว่าฯ น่าจะไปศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน เช่น การขยายกรอบเงินเฟ้อซึ่งผู้ว่าฯธปท. เห็นว่าดีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลอยากจะขยายกรอบเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ทั้งนี้เพราะปีที่แล้วเงินเฟ้อไทยต่ำลงมากตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2566 เหลือเพีย 0.53% จากเดือนมกราคม 2566 ที่มีเงินเฟ้อสูงถึง 5.02 % และ ต่ำมาตลอดหลังจากนั้นคือ มิ.ย 66 ที่ 0.23% ก.ค. 66 ที่ 0.35% ส.ค. 66 ที่ 0.88% และ ก.ย. 66 ที่ 0.30% จนเงินเฟ้อมาติดลบในเดือนตุลาคม 66 ที่ – 0.31% และ ติดลบต่อไปจนทั้งหมด 6 เดือน คือ พ.ย. 66 – 0.44% ธ.ค.66 ที่ -0.83% ข้ามปีมายังติดลบ ม.ค. 67 ที่ -1.11% ก.พ. 67 ที่ – 0.77% มี.ค. – 0.47% ดังนั้นที่เงินเฟ้อมาบวกในเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ 1.54% ก็เพราะ ปีที่แล้วต่ำมากนั่นเอง และเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะบวกไปถึงสิ้นปีถึงต้นปี 68 เพราะมาจากเงินเฟ้อตั้งแต่กลางปีที่แล้วต่ำถึงติดลบนั่นเอง ดังนั้นกรอบการขยายตัวเงินเฟ้อจึงควรสูงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งอย่านำกรอบเงินเฟ้อของประเทศที่พัฒนาแล้วมาใช้กับประเทศกำลังพัฒนาแบบไทย เพราะเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งที่ผ่านมากว่า 10 ปี เงินเฟ้อของไทยยังน้อยกว่าเงินเฟ้อของสหรัฐมาก นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ และประเทศในอาเซียนที่ขยายตัวสูงก็มีเงินเฟ้อที่สูงกว่าไทยมาก

 

 

อยากให้เข้าใจง่ายๆว่า เงินเฟ้อต่ำ แปลว่า ถ้าต้นทุนสินค้าต้องเพิ่มขึ้นทุกปีตามราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามวัฏจักรของโลกทั้ง วัตถุดิบ ค่าแรง ค่าพลังงาน ค่าขนส่ง ฯลฯ แต่ราคาสินค้าขึ้นราคาไม่ได้ ธุรกิจต่างๆ ก็จะต้องขาดทุน และ ปิดกิจการ ดังจะเห็นได้จากโรงงานจำนวนมากที่ต้องปิดกิจการกันตอนนี้ ดังนั้นการมีกรอบเงินเฟ้อที่จะขยายกว้างจะทำให้เศรษฐกิจไหลเวียนมากขึ้น โดยตามหลักเศรษฐศาสตร์สภาวะเศรษฐกิจที่มีเงินเฟ้ออ่อนๆ (Mild Inflation) จะเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ดีที่สุด แต่ระดับเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วและในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยจะมีลักษณะที่ต่างกัน

 

 

นี่เป็นแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติยังไม่ได้ตอบและยังไม่ได้ดำเนินการใน 4 เรื่อง ดังนี้คือ

 

 

1. การลดช่องว่างระหว่างเงินกู้-เงินฝากที่กว้างมากทำไห้ธนาคารพาณิชย์กำไรกันมหาศาลทั้งที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ที่ ธปท. สามารถแก้ไขได้แต่ ธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน(กนส.) กลับไม่ทำ และทำไมถึงไม่ทำ เพราะขนาด นายกฯ ยังทำให้เห็นแล้วว่าทำได้ โดยเรียกธนาคารพาณิชย์มาเจรจาลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงให้เป็นตัวอย่างแล้ว

 

2. ทำไมค่าเงินบาทไทยถึงแข็งค่ามากเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่น ทั้งที่ ธปท. พูดเสมอว่า ค่าเงินบาทไทยจะต้องอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง โดยทั้ง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย มาเลเซีย ที่มีเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูง มีค่าเงินที่อ่อนลงกว่า 30-40% แล้ว แค่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าโดยเปรียบเทียบแบบนี้ ประเทศไทยจะแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้

อย่างไร โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียที่เป็นประเทศที่มีรายได้สูงแล้ว ค่าเงินยังอ่อนลงมาก (จากในอดีต 3.8 ริงกิต/ดอลลาร์ เป็น 4.7 ริงกิต/ดอลล่าร์) เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ทั้ง Microsoft, Google, ByteDance (TikTok) ฯลฯ เข้าไปลงทุนกันมากรายละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช่หรือไม่

 

3. การเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ธปท. มีแนวทางอย่างไร เห็นแต่ ธปท. มีแต่ดึงสภาพคล่องออกจากระบบ และ ดีใจว่าไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาก แต่สภาพคล่องในประเทศกลับเหือดแห้ง เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมาก ธปท. จะมีแผนงานเพิ่มสภาพคล่องและทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้อย่างไร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จะยากมาก เพราะ ธนาคารพาณิชย์ไม่ยอมปล่อยกู้ ธปท. จะแก้ไขอย่างไร

 

4. การแก้ไข หนี้ครัวเรือนที่สูง และหนี้เสียที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ธปท. จะมีแนวทางสนับสนุนรัฐบาลอย่างไร เพราะหนี้เสียจะเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก โดย ธปท. จะต้องไม่ลืมบทเรียนสมัยต้มยำกุ้งที่ ธปท. ทำความเสียหายให้กับประเทศอย่างมากจากการทุ่มเงินสู้ค่าเงินบาทจนนำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศล้มละลาย จนยังมีหนี้ค้างกันอยู่ในหนี้สาธารณะของประเทศจนถึงทุกวันนี้ และปัญหาหนี้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่งในอนาคต ธปท. จะช่วยกันแก้ไขและป้องกันอย่างไร

 

ผู้ว่าฯ ธปท. จะต้องเข้าใจว่า ธปท. ไม่ใช่มีบทบาทแค่กำกับควบคุมอย่างเดียว แต่จะต้องมีบทบาทในการสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาและเศรษฐกิจไทยขยายตัวให้มากขึ้นด้วย เหมือนที่ธนาคารกลางประเเทศอื่นทำแม้แต่ในสหรัฐ ผู้ว่า ธปท. น่าจะทราบดีว่า นโยบายการเงินมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ มากกว่านโนบายการคลังมาก ธปท. จะมาพอใจที่เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2-3% ไม่ได้ เพราะไทยยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น ธปท. ต้องช่วยกันคิดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้อย่างไร ถ้าจะตำหนิ หรือ บอกว่าไม่เห็นด้วยว่า ไม่ทำเรื่องโน้น ไม่ทำเรื่องนี้ ธปท. ก็ควรจะต้องเสนอด้วยว่า ธปท. จะช่วยทำเรื่องใด อย่างไรบ้าง มีแนวทางอะไรบ้างที่จะสนับสนุนได้ จะเพิ่มสภาพคล่องอย่างไร จะช่วยแก้ไขหนี้ลดหนี้อย่างไร ไม่ใช่เพียงแต่พูดขัดขวางอย่างเดียว แต่ไม่มีข้อเสนอในแนวทางสร้างสรรค์เลย ประเทศที่จะพัฒนาได้ ธนาคารกลางจะต้องสนับสนุนนโยบายการเงินในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วไป

 

ผู้ว่าฯ ธปท. จะต้องพิจารณาว่าที่ผ่านมาผลงานของ ธปท. ที่สนับสนุนเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เหตุใดตั้งแต่ เป็นผู้ว่าฯ ธปท. มาตั้งแต่ปี 63 แต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเลย (เพิ่งจะฟื้นจากช่วงโควิดที่ติดลบ -6.1%) ในขณะที่ประเทศอื่นเขาฟื้นไปไกลขยายเกินไป 15-20% กันแล้ว

 

ทั้งนี้หากรวบรวมเก็บข้อมูล BigData ของ ธปท. เทียบกับ ธนาคารกลางของเหล่าประเทศคู่แข่งของไทย และ ตรวจสอบด้วย Ai ก็จะสามารถพิสูจน์ได้ว่า ธปท. มีประสิทธิภาพขนาดไหนเมื่อเทียบกับ ธนาคารกลางของประเทศคู่แข่ง ซึ่งจะได้คำตอบว่าทำไมเศรษฐกิจไทยถึงได้ย่ำแย่กว่าประเทศคู่แข่งมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF
ทบ.ยืนยันอีกรอบ! ปมร้อน “แสตมป์” ไม่เกี่ยวกองทัพ พบไม่เคยร้อง 112
ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น