“บิ๊กต่าย” ย้ำไม่เคยคิดจะถูกเช็กบิล หลัง “บิ๊กโจ๊ก” ร้องป.ป.ช.เอาผิด มั่นใจทำงานสุจริตทุกขั้นตอน

“บิ๊กต่าย” ย้ำไม่เคยคิดจะถูกเช็กบิล หลัง “บิ๊กโจ๊ก” ร้องป.ป.ช.เอาผิด มั่นใจทำงานสุจริตทุกขั้นตอน

“บิ๊กต่าย” ย้ำไม่เคยคิดจะถูกเช็กบิล หลัง “บิ๊กโจ๊ก” ร้องป.ป.ช.เอาผิด มั่นใจทำงานสุจริตทุกขั้นตอน – Top News รายงาน

บิ๊กต่าย

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 11:35 น.ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) หลังประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2467 พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณี พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะไปร้อง ป.ป.ช. กรณี พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเซ็นให้ออกจากราชการไว้ก่อน ในช่วงเป็นรักษาการ ผบ.ตร. พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่า เพิ่งทราบจากสื่อว่าจะมีการไปฟ้องตนที่ ป.ป.ช. ก็ถือเป็นสิทธิ์ของ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ซึ่งขณะนี้ตนปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. แล้ว แต่ในกระบวนการพิจารณาเป็นเรื่องที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ไปใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมแล้ว จากนี้ก็รอผลการพิจารณา

ส่วนที่มองว่าคำสั่งดังกล่าวขัด พ.ร.บ.ตำรวจ ในปัจจุบันนั้น พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า มีนักกฎหมายออกมาแสดงความคิดเห็น ตีความมุมมองที่แตกต่างกันไป ตนก็รับฟัง พวกเราคงได้ยินได้ฟังในเรื่องที่ว่า สิ่งนั้นมิชอบ สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง แต่มีท่านใดได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงบ้างหรือไม่ เรากำลังคิดว่าคำสั่งนี้ไม่ถูกต้อง ขัดกฎหมาย ตรงนี้ใช้กฎหมายเก่า แต่อย่าลืมว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เกิดปี 2565 และตนได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง การนำกฎหมายปี 65 มาใช้ ถือว่าเป็นฐาน แต่ในข้อเท็จจริงมีใครหยิบตรงนี้ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ในเรื่องพฤติกรรมความร้ายแรงแห่งคดี ประกอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

เมื่อถามว่าสำนักงานกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นมาแล้วว่าการออกคำสั่งให้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ถูกต้อง พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นเรื่องกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ เช่นกัน ความเห็นใดที่เป็นข้อผูกพันทางกฎหมายทุกหน่วยย่อมถือปฏิบัติ แต่ข้อสังเกตเราก็รับไว้ ก็ต้องมาดูว่าสามารถทำได้หรือไม่

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามย้ำว่าในช่วงที่เป็นรักษาการ ผบ.ตร. ยืนยันว่าคำสั่งที่เซ็นออกไปถูกต้อง ครบถ้วนแล้วใช่หรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า “ครับ ถือเป็นช่วงจังหวะที่ผมมารักษาการ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเป็นช่วงที่ผมอยู่ในจุดนั้นพอดี เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ดุลพินิจพิจารณาจากข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมาย ประกอบระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร. ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบแล้ว ดังนั้นผมจึงบอกว่าขอให้ดูข้อเท็จจริง อย่ามุมมองเพียงแค่ว่าอันนี้ผิดหรือไม่ผิด และเป็นสิทธิ์ของ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ที่จะบอกว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องพิจารณาจากข้อมูลหลักฐาน ซึ่งจะพิจารณาได้ว่าคำสั่งนี้ถูกต้องหรือไม่ อยู่ที่องค์กรอิสระและคณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า องค์กรตำรวจจะสงบหรือไม่ เนื่องจาก มีวัตถุประสงค์คือการให้ทุกคนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้งานทุกอย่างขับเคลื่อน แต่กลับมีการย้อนมาฟ้องกัน เช่นนี้จะเกิดความสามัคคีกันหรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่า ขณะที่ตนรักษาการ มีหน้าที่รับคำสั่งให้ทำงาน ทุกวันนี้ก็ทำงาน และมีหน้าที่อย่างไรก็ทำเช่นนั้น ปัจจุบันเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจป้องกันและปราบปรามฯ ซึ่งตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมมือรวมแรงกันทำงาน

ส่วนประเด็นต่างๆเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเรื่องปกติ แต่ตนคิดว่าความขัดแย้ง ทางคณะกรรมการของ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตอธิบดีของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีความชัดเจน โดย นายวิศณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงแล้วว่า มีความขัดแย้งกันจริง ส่งเป็นความเห็นของคณะกรรมการ ตนจึงไม่มีความเห็นอะไร

ขณะที่ตำรวจ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับมาดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งยังไม่ปรากฏเรื่องว่าต้องขัดแย้งอะไรกัน แม้จะมีรองผู้บัญชาการตำรวจคนใดกลับมาอีก ก็เป็นเรื่องที่ต้อลให้เกิดความชัดเจน ในเรื่องการกล่าวหา รวมทั้งหลักฐานต่างๆให้เคลียร์ (กระจ่าง) ไม่ว่าใครกลับมา ตนก็พร้อมเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนบุคคลใดจะต้องร้องก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนก็มีสิทธิ์แก้ต่าง

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ทำหน้าที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ปัจจุบันหลุดจากรักษาการแล้ว และกำลังจะถูกเช็คบิล มองตรงนี้อย่างไร พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ตอบว่า ไม่เคยคิดว่าถูกเช็คบิล ย้ำว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลที่จะดำเนินการทั้งทางกฎหมาย และวินัยกับตนได้อยู่แล้ว แต่ตนปฏิบัติอยู่บนความสุจริตเป็นที่ตั้ง และทำเพื่อองค์กร ซึ่งแน่นอนว่าต้องดูเรื่องกฎหมาย ข้อเท็จจริง ระเบียบคำสั่งมาประกอบแล้ว ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นกับตน ตนก็พร้อมรับ

เมื่อถามต่อว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่า อย่าใช้คำว่ามั่นใจ แค่คิดตนยังไม่เคยคิดเลย ส่วนมีสัญญาใจหรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ตอบว่า ไม่มีสัญญาใจ และไม่เคยคิดเรื่องดังกล่าวเลย คิดอย่างเดียวว่า ได้รับหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่แค่นั้น

ผู้สื่อข่าวกล่าวต่อว่า เหมือนท่านตายเดี่ยวเลยในรอบนี้ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ไม่มีใครหลุดพ้นความตาย ซึ่งเป็นธรรมธงอย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อความตายมาเยือน เราก็ต้องพร้อมรับความตาย แต่เราอยู่บนพื้นฐานความสุจริตใจ และความโปร่งใส ตนปฏิบัติตามหลักนิติธรรมเพื่อองค์กร ฉะนั้น พร้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุว่า ทราบดี และทำราบวาระแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นเรื่องของการประชุม ส่งนในที่ประชุมจะมีการอภอปราย หรือมีความเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจแต่ละบุคคลจะพิจารณา พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น