- 5 ความเชื่อเกี่ยวกับการกิน ผลไม้
ความเชื่อที่ 1 : ให้กินผลไม้ในขณะที่ท้องว่าง
นี่คือหนึ่งในความเชื่อที่พบได้บ่อยที่สุด ที่กล่าวว่า การกินผลไม้พร้อมอาหารจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง ส่งผลให้อาหารค้างบูดเสียอยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแก๊ซ และอาการไม่สบายท้องต่างๆ ขึ้นได้ ในความเป็นจริงคือ เส้นใยอาหารในผลไม้ อาจทำให้อาหารในกระเพาะถูกย่อยช้าลงได้ แต่จะช้าลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้เป็นสาเหตุให้อาหารตกค้างอยู่ในกระเพาะอย่างยาวนาน จริงๆ แล้วเส้นใยอาหารในผลไม้ยังช่วยให้เรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้นอีกด้วย
ความเชื่อที่ 2 : การกินผลไม้ก่อนหรือหลังอาหาร จะทำให้ได้สารอาหารลดลง
ความเชื่อนี้ต่อเนื่องมาจากความเชื่อที่ 1 ที่ว่า ให้กินผลไม้ในขณะท้องว่าง เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ซึ่งไม่เป็นความจริง ร่างกายเราถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการดึงสารอาหารจากอาหารที่เรากินเข้าไป เมื่อเรากินอาหารเข้าไป อาหารจะถูกส่งไปย่อยที่ลำไส้ทีละน้อย ลำไส้เล็กนั้นถูกออกแบบให้ดูดซึมสารอาหารให้ได้มากที่สุด มีความยาวได้ถึง 6 เมตร และมีพื้นที่ดูดซึมอาหารมากกว่า 30 ตารางเมตรเลยทีเดียว ระบบย่อยอาหารนั้นมีความพร้อมอย่างยิ่งในการย่อยและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้ ไม่ว่าจะกินตอนท้องว่าง หรือพร้อมอาหารอื่นก็ตาม
ความเชื่อที่ 3 : คนที่เป็นโรคเบาหวาน ควรกินผลไม้ก่อนหรือหลังอาหารเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง
ความเชื่อนี้มาจากการที่คนเป็นเบาหวาน มักมีปัญหาในการย่อยอาหาร จึงเกิดความคิดที่ว่า การกินผลไม้แยกจากมื้ออาหารน่าจะมีส่วนทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน และยังอาจทำให้คาร์บ และน้ำตาลในผลไม้เข้าไปในกระแสเลือดได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเป็นโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยงอีกด้วย จึงควรกินผลไม้พร้อมอาหาร หรือของว่างที่มีโปรตีนสูง มีใยอาหารและไขมัน จะช่วยให้กระเพาะอาหารส่งอาหารไปยังลำไส้ช้าลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นอย่างช้าๆ ผลไม้สำหรับคนเป็นโรคเบาหวานควรเลือกชนิดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำอีกด้วย
ความเชื่อที่ 4 : เวลาเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินผลไม้
ไม่มีเหตุผลและหลักฐานใดๆ สนับสนุนความเชื่อนี้ มีการกล่าวว่า การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างผลไม้ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และเป็นการปลุกระบบย่อยอาหารให้ตื่น ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ก็จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นชั่วคราวอยู่แล้ว ในขณะที่กลูโคสกำลังถูกดูดซึม อีกทั้ง ระบบย่อยอาหารของเรานั้น มีความพร้อมที่จะทำงานตั้งแต่ตอนที่ลิ้นสัมผัสกับอาหารแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดของวันก็ตาม ความจริงคือผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราในทุกเวลา
ความเชื่อที่ 5 : ไม่ควรกินผลไม้หลังบ่ายสองโมง
ความเชื่อนี้คล้ายกับความเชื่อที่ 4 ว่า การกินผลไม้หลังช่วงบ่ายสองโมง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งร่างกายอาจไม่สามารถจัดการได้ทันเวลาก่อนนอน ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นได้ ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ชี้ว่า การกินผลไม้หรือคาร์บหลังบ่ายสองโมงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ร่างกายคนเราไม่ได้เปลี่ยนจากการเผาผลาญแคลอรีมาเป็นสะสมไขมันในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ อัตราการเผาผลาญพลังงานมีแนวโน้มที่จะลดลงในเวลาที่เรานอน แต่ก็ยังเผาผลาญแคลอรีในปริมาณไม่น้อย เพื่อให้ร่างกายทำงานอยู่ต่อไป มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การกินผลไม้และผักจำนวนมากระหว่างวัน จะส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้ และยังเป็นหนทางที่ดีที่จะทำให้เราได้สารอาหารอย่างเพียงพอ หากเราหลีกเลี่ยงผลไม้ในช่วงบ่ายและก่อนนอน จะทำให้เราอดอาหารว่างจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพไปอย่างน่าเสียดาย
- บทสรุป เราควรกินผลไม้ตอนไหนดีที่สุด
ผลไม้นั้นดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหาร โดยทั่วไปแล้วสามารถบริโภคได้ทุกช่วงเวลาของวัน หากต้องการลดน้ำหนัก เส้นใยอาหารในผลไม้จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ส่งผลให้เราบริโภคแคลอรีลดลง อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้ การกินผลไม้ก่อนมื้ออาหารทันทีจะส่งผลได้มากขึ้นอีกด้วย หากเป็นโรคเบาหวานประเภทที่สอง การกินผลไม้พร้อมกับอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมัน หรือเส้นใยอาหาร จะส่งผลให้น้ำตาลจากผลไม้เข้าสู้ลำไส้เล็กได้ช้าลง ผลคือน้ำตาลในเลือดขึ้นช้าลงเมื่อเทียบกับการแยกกินเฉพาะผลไม้
ดังนั้น “ผลไม้ควรกินก่อนหรือหลังอาหาร” ขึ้นอยู่กับประเภทของผลไม้และเป้าหมายที่ต้องการจากการกิน
ที่มา : gridmag,bluzone, healtline.com