เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงรายงานผลการร่วมประชุมกับกองบัญชาการนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณดินแดงว่า ผลการประชุมมี 3 ประเด็นหลัก 1.ผู้ก่อเหตุจราจลปาระเบิดแบบปะทัดยักษ์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้บาดเจ็บสาหัสบริเวณใบหน้า ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการเยียวยาเบื้องต้นให้กับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ 2.การเผาป้ายเฉลิมพระเกียรติบริเวณทางด่วนแยกดินแดงและถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบกลุ่มผู้กระทำผิดแล้วว่าเป็นเยาวชน และจะดำเนินการแจ้งความและออกหมายจับตามกระบวนการ และ 3.กรณีรถควบคุมผู้ต้องหาชนผู้ชุมนุมใต้ทางด่วนดินแดง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน โดยแยกเป็นหลายประเด็น คือ 1.รถควบคุมผู้ต้องขังคันนี้อยู่ในชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) หรือไม่ หรือไปแสตนบายแล้วเดินทางกลับ
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า 2.เมื่อมีการชนเกิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตหรือไม่ ปรากฏว่ารถควบคุมผู้ต้องขังคันนี้ไม่ได้อยู่ในชุดคฝ.ดินแดง แต่เป็นชุดแสตนบายที่ บช.น. ให้ไปอยู่อีกจุดหนึ่งเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งได้มีการดูภาพเพื่อตรวจสอบว่ารถคันนี้มาจากเส้นทางใดก่อนที่จะถึงบริเวณที่จะชน โดนปาระเบิดหรือโดนทำลายรถหรือไม่ ทำไมถึงต้องเร่งความเร็วในช่วงที่มีการชน และจากการดูภาพสโลโมชันพบว่า คนที่ถูกชนกระโดดข้ามถนนไป โดยตอนแรกเราคิดว่าขับรถจักรยานยนต์ แต่ปรากฏว่าเมื่อรถวิ่งผ่านทางด่วนดินแดง คนที่ถูกชนอยู่บนฟุตปาธและได้วิ่งตัดหน้ารถไป ซึ่งวันนี้คนที่ถูกชนปลอดภัยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี แต่เมื่อพยาบาลได้ขอประวัติ เขาก็ได้หนีออกจากโรงพยาบาล เด็กคนนี้เป็นเยาวชนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ได้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าว
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการขับรถผู้ต้องขังชน ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาสำหรับบุคคลที่ถูกชน ในกรณีนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ และต้องไปดูว่าการกระทำความผิดเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือวันนี้รถราชการเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นล้อ บริเวณรอบรถ ซึ่งหากรู้ตัวผู้กระทำความผิดก็คงจะไล่เบี้ยไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายจราจลหรือกฎหมายอื่นๆ ในส่วนของการกระทำฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องแยกเป็นกระทงไป ไม่เอามารวมกัน
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจฯ ได้ลงไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเก็บข้อมูลรอบด้าน ปรากฏว่าผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดงที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มทะลุแก๊สไม่ใช่ผู้ชุมนุม เพราะไม่ได้เข้าหลักการชุมนุม แต่เป็นการก่อเหตุจราจล โดยไม่มีแกนนำ ไม่มีข้อเรียกร้องที่ชัดเจน และเป็นการใช้กำลังและอุปกรณ์เทียมอาวุธและอาวุธในการทำร้ายร่างกาย มีกลุ่มเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปีเข้าร่วมกับกลุ่มนี้ด้วย โดยเดินทางมาจากเขตปริมณฑล ได้แก่ จ.นครปฐม จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการ และจังหวัดใกล้เคียง ดังนั้นเราจะใช้คำว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ แต่เป็นผู้ก่อเหตุจราจล นอกจากนี้ เรายังได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเคหะสถานแฟลตดินแดนหรือไม่ ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้เข้าไป และกรณีที่เด็กเยาวชนโดนเตะหรือผลักลงจากแฟลตมาข้างล่างก็ไม่ใช่ความจริง ทั้งนี้หากสื่อมวลชนหรือประชาชนมีข้อมูลอีกมุมหนึ่งก็สามารถส่งมาที่กมธ.ตำรวจฯ ได้