รุมเจาะยาง “นายกฯ” สารพัดเผือกร้อนถล่ม “รัฐบาล” เสียสมาธิปั้มผลงานไม่เต็มเหนี่ยว

จี้ “พท.” โชว์สปิริต

เผือกร้อนแรกที่กระทบภาพลักษณ์ “เพื่อไทย” เข้าเต็มเปา เพราะถูกจี้ให้แสดงสปิริตปม “ชาญ พวงเพ็ชร์” ชนะเลือกตั้งมาแบบขาวสะอาดก็จริงแต่ปรากฎในภายหลังว่า ยังมีชนักปักหลังคดีทุจริต 2 เรื่องคาอยู่ในศาล จำเป็นต้องเว้นวรรคไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ขนาดพรรคร่วม “อนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่กล้าเอาคอไปพาดเขียง ออกมายืนยันว่าจะยึดหลักกฎหมายตามคำแนะนำของกฤษฎีกา ถึงกับกล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ แม้จะเป็นคนของพรรคเพื่อไทย หรือต่อให้เป็นพรรคเดียวกันก็ตาม ต้องไม่ทำผิดกฎหมายเพื่อเอื้อพรรคพวกตัวเองเพราะมีโทษทางอาญา​

ในสายตาคู่ปรับเก่าเพื่อไทยตลอดกาล “เทพไท เสนพงศ์” ยังซูฮกในความฉลาดของ “อนุทิน” ที่เซฟตัวเองไว้ก่อน เพราะถ้าหากกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่แล้ว “ชาญ พวงเพ็ชร์” ไม่พอใจสามารถฟ้องศาลเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ได้ แต่ถ้าไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ “อนุทิน” อาจถูกฟ้องความผิดมาตรา 157 ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานและแสดงสปิริตทางการเมือง กอบกู้ศรัทธาของประชาชนต่อพรรคเพื่อไทย ให้กลับคืนมาได้มีหนทางเดียว คือ พรรคเพื่อไทย ต้องออกมาขอโทษต่อประชาชน และให้ “ชาญ พวงเพ็ชร์” ลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวปทุมธานีตัดสินใจเลือกนายกอบจ.คนใหม่

สงครามสีกากีเขย่าเก้าอี้นายกฯ

มรสุมทางการเมืองอีกลูกที่ถาโถาเข้ามา กรณี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ท้ารบดับเครื่องชนรัฐบาล ร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ “ป.ป.ช.” สอย “นายกฯเศรษฐา” ฐานความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดต่อหน้าที่ เพราะดันไปเสนอชื่อคู่ปรับเก่า “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. การันตีงานนี้ไม่มีเกี้ยเซียะ โดยเฉพาะประเด็นที่ “นายกฯเศรษฐา” ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ให้ทำการโหวตลงความเห็นปรากฏว่า ก.ตร.เสียงส่วนใหญ่ 12 ต่อ 0 ให้ความเห็นชอบคำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน ศึกในสีกากี ลุกลามถึงตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เกมนี้คงลากยาว