Top news รายงาน วันที่ 9 ก.ค.2567 ล่าสุดทางรายการ “เรื่องนี้ต้องเคลียร์” ทางช่อง Top News ได้นำเสนอเรื่องราวที่เป็นประเด็นที่ต้องเคลียร์ในวันนี้คือเรื่องของ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ที่ทางด้านเจ้าตัวยังเงียบอยู่ไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือออกมาเคลียร์อะไรเลยสำหรับประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น วันนี้รายการจะมาเปิดใจคนที่เกี่ยวข้องกับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” รวมไปถึงคนที่ถูกติดต่อจาก “ต้นอ้อ” ว่าสามารถที่จะขายวุฒิการศึกษาได้ โดยวันนี้มีแขกรับเชิญทั้งหมด 4 ท่าน ดำเนินรายการโดย อุบลรัตน์ เถาน้อย ท่านแรกคือ “แม่ปุ๊กกี้” อดีตผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง และอีกท่านคือ “คุณวิไลลักษณ์” หรือ “เจ๊ลักษณ์” ที่เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย คนต่อมา “ว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน” รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และคนสุดท้าย “ชาญชัย ฉายบุ” ทนายที่ปรึกษาคดีนี้
เจ๊ลักษณ์ : รู้จักคุณต้นอ้อครั้งแรกตั้งแต่คดีโดนสามีทำร้ายร่างกายและโดนยักยอกโยกย้ายทรัพย์สินไปหมด คุณต้นอ้อตอนนั้นก็ลงเล่นการเมืองด้วย เรามาหาเขาเพราะว่าเราถูกกระทำมาเราหวังพึ่งเขาเราเชื่อใจเขาแล้วไว้ใจเขามีอะไรก็เล่าให้ฟังทุกอย่างเปิดใจกับคุณต้นอ้อเลยตอนนี้รู้สึกเจ็บมากเหมือนหนีเสือปะจระเข้เพราะว่าโดนสามีทำร้ายร่างกายมาฮุบธุรกิจไปทั้งหมด และยังมาโดนหลอกในหลอกอีก
พิธีกร : แล้วอย่างนี้คุณต้นอ้ออยู่วัดเจ๊ลักษณ์จะตามไปหาถึงวัดไหม?
เจ๊ลักษณ์ : ไม่ค่ะเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะไปอยู่ที่ไหนเพราะว่าถ้าเขาอยากจะคุยก็คงคุยตั้งแต่ตอนที่มีปัญหาแล้ว
พิธีกร : ติดต่อได้ไหมตอนนี้?
เจ๊ลักษณ์ : เราไม่ได้คุยกันมาเป็นเดือน 2 เดือนแล้วค่ะ
พิธีกร : คุณลักษณ์รู้สึกยังไงบ้าง?
เจ๊ลักษณ์ : รู้สึกเจ็บในเจ็บ ครั้งแรกที่มานั่งตรงนี้โดนสามีทำร้ายร่างกายและก็โดนยักยอกโยกย้ายทรัพย์สินทั้งหมดและมารอบที่ 2 ตอนนี้ก็โดนหลอกอีก
พิธีกร : เคสนี้มูลค่าความเสียหายประเมินเป็นเท่าไหร่?
เจ๊ลักษณ์ : 200,000 บาทค่ะ
พิธีกร : ในวันนี้ที่โดนหลอกคือโดนหลอกให้ซื้อขายวุฒิการศึกษา ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อย?
เจ๊ลักษณ์เล่าว่า “จริงๆแล้วไม่ได้รู้จักกับต้นอ้อตั้งแต่เริ่มต้นไม่ได้เรียนหนังสือมาด้วยกันไม่ใช่แบบนั้นเรามารู้จักเขาตอนที่เราเจอวิกฤตชีวิตที่โดนอดีตสามีทำร้ายร่างกายแล้วก็มาหาเขาแล้วมีโอกาสได้พูดคุยเรื่องก่อตั้งมูลนิธิเหมือนกับว่าผู้หญิงกับผู้หญิงมีปัญหากันก็เลยมาสร้างร่วมกันอะไรแบบนี้ถ้าถามว่าสนิทกันส่วนตัวเลยไหมก็ไม่ค่ะ ประมาณ 7-8 เดือนได้ที่ได้รู้จักเขา”
พิธีกร : รู้จักกันตอนที่เขามาช่วยและหลังจากนั้นคิดที่จะตั้งมูลนิธิร่วมกันด้วยคือมูลนิธิเป็นหนึ่งหรอคะ
เจ๊ลักษณ์ : ใช่ค่ะ
พิธีกร : งั้นแสดงว่าคุณลักษณ์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่งหรอคะ?
เจ๊ลักษณ์ : ใช่ค่ะในเอกสารจะเห็นว่ามีตำแหน่งเป็นกรรมการในมูลนิธิด้วย
พิธีกร : อันนี้คุณลักษณ์ไม่ได้ประชดใช่ไหมเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิจริงๆ?
เจ๊ลักษณ์ : ใช่ค่ะ คือมันเป็นการคุยกันลักษณะได้เห็นเอกสารว่าลักษณ์ได้เป็นกรรมการมูลนิธิซึ่งระหว่างทางที่เขาขอเอกสารลักษณ์ไปเขาไม่ได้อัพเดทให้ลักษณ์รู้ว่าถึงขั้นตอนนี้นะจะเสร็จตอนไหนจะเป็นมูลนิธิแล้วนะเขาไม่ได้อัพเดทให้เรารับทราบแบบนี้อ่ะค่ะและลักษณ์ก็ไม่ได้เซ็นเอกสารเรามีเอกสารให้เขาแต่เราไม่ได้เซ็นเอกสาร
พิธีกร : แล้วใครเป็นคนเซ็น?
เจ๊ลักษณ์ : อันนี้ต้องไปสืบอีกที
พิธีกร : แล้วเราจะเอาผิดอะไรกับเขาไหมคะแบบนี้
เจ๊ลักษณ์ : ก็ว่าไปตามขั้นตอนน่ะค่ะ
พิธีกร : คุณลักษณ์ได้คุยกับคุณต้นอ้อบ้างหรือยัง
เจ๊ลักษณ์ : ไม่ได้คุยเลยค่ะ
พิธีกร : ปัญหาหลักๆระหว่างคุณลักษณ์และคุณต้นอ้อคือเรื่องติดต่อให้ซื้อวุฒิการศึกษา?
เจ๊ลักษณ์ : ใช่ค่ะก่อนที่เขาจะติดต่อให้เราซื้อวุฒิการศึกษาเขาจะเสนอตำแหน่งต่างๆในรัฐสภามาให้เราโดยตามเรทราคาต่างๆตามที่ทุกคนได้เห็นกันค่ะ 500,000 400,000 บาทและลดลงมาเรื่อยๆจนถึง 60,000 บาทเขาจะเอาตัวนี้มาหลอกล่อให้เราไปซื้อ แต่ที่นี้คือเราก็ห้ามเขาบอกว่ามันผิดกฎหมายเขาก็บอกว่าเขาเคลียร์ได้ ทั้งตัวมหาลัย ทั้งที่ในรัฐสภาเขาสามารถเคลียร์ปัญหาได้หมดด้วย ณ เวลานั้นลักษณ์ก็ไม่มีใคร เขาพูดอะไรมาแนะนำอะไรมาเราก็เชื่อเขาทั้งหมด
พิธีกร : ตอนนั้นคิดอะไรอยู่อยากได้งานหรอคะหรือว่าอะไร ?
เจ๊ลักษณ์ : คือระหว่างนั้นเราก็เริ่มที่จะจบมูลนิธิด้วยกันเขาก็เลยบอกกับลักษณ์ว่าลักษณ์จะต้องมีคนสักคนนึงที่อยู่ในมูลนิธิเราไปนั่งในวุฒิสภาเพื่อที่ว่าจะมีงบประมาณต่างๆมาและเราก็จะได้เอาตรงนั้นมาซัพพอร์ทในมูลนิธิของเราได้เพื่อที่จะมีรายได้
พิธีกร : แล้วคุณลักษณ์ก็เลยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนนั้น?
เจ๊ลักษณ์ : ใช่เราคิดว่าเราจะเป็นคนนั้นเราคิดว่าเราจะเสียสละเพื่อที่จะไปนั่งอยู่ตรงนั้นเพราะว่า ณ เวลานั้นคือเขาบอกว่าเรามีตังค์เอาไปซื้อเถอะ ซื้อแล้วก็จบ จะได้ไปอยู่ตรงนั้นได้ จะได้เอางบประมาณมาเป็นแบบนี้ค่ะ เขาพูดเป็นเรื่องราวให้ลักษณ์ได้เชื่อใจเขาและอีกอย่างเขาค่อนข้างที่จะแอบอ้างผู้ใหญ่เยอะ ทำให้ตัวเราเองคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมั้ง จะถามว่ารู้สึกผิดไหมในใจรู้สึกผิดมากและก็ต้องขอกลับขอโทษขอโทษจริงๆขอโทษจากใจจริงๆที่ลักษณ์ทำผิดไปและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในขั้นตอนของการซื้อวุฒิการศึกษาต่างๆน้องๆที่ดูอยู่อย่าเอาเป็นแบบอย่าง ลักษณ์ขอกราบขอโทษทุกๆคนจริงๆจากใจจริงค่ะ
พิธีกร : แสดงว่าเราก็รู้อยู่แล้วว่าการซื้อวุฒิการศึกษามันผิดแต่คือเราไม่มีเราขาดตรงนี้ก็เลยอยากจะซื้อมา?
เจ๊ลักษณ์ : ค่ะ
ทางด้านพิธีกรได้หันไปถามว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์การซื้อวุฒิการศึกษามันมีจริงไหม?
ว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์ : ถ้าอยู่ในวงนอกข้อเท็จจริงที่เรามาพูดกันก็ต้องยอมรับว่ามันมีข้อมูล เพราะมันมีการส่งข้อมูลเข้ามาหลังบ้านอยู่เรื่อยๆแต่ว่าไอ้ประเด็นการซื้อขายวุฒิมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดกันให้สาธารณะเขารับรู้ เพราะว่าคนที่ไปเต็มใจซื้อ แล้วได้วุฒิมาแล้วเอาวุฒิไปใช้มันก็จะเป็นความผิด เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาเปิดเผยมันก็เลยมีน้อยที่ออกมาเปิดเผย เพราะว่ามันไม่ถูกต้องได้รู้ว่ามันไม่ถูกผิดกฎหมาย