ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในชั่วโมงนี้ โฟกัสยังวนอยู่กับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังฝ่ากระแสกดดันให้ถอนตัว แต่ไบเดน วัย 81 ปี ยังคงยืนกรานว่าจะไม่ไปไหน โดยมีรายงานว่าเป็นคนในครอบครัวเองที่เป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป แม้ออกอาการน่าเป็นห่วง บนเวทีดีเบตรอบแรกกับ โดนัลด์ ทรัมป์ และคนใกล้ชิดที่ถูกจับตาว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก ก็คือ ฮันเตอร์ ไบเดน ที่เริ่มเป็นประเด็นตั้งแต่หลังดีเบตไม่กี่วัน ฮันเตอร์เดินทางกลับจากแคมป์เดวิด บ้านพักตากอากาศของประธานาธิบดีสหรัฐ ในรัฐแมรีแลนด์ มายังกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมกับพ่อ ต่อด้วยการเข้าไปนั่งในห้องประชุมในทำเนียบขาว และพูดคุยกับทีมงานอาวุโสของไบเดน ราวกับที่ปรึกษาคนหนึ่งนับแต่นั้น
เวบไซต์ข่าว อาซีโอส รายงานว่า ฮันเตอร์ กำลังทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าหน้าประตูโดยนัย เป็นคนที่ตัดสินว่าใครที่เข้าถึงตัวพ่อได้ ขณะที่ไบเดน ผู้พ่อ เป็นที่รับรู้ว่าปลาบปลื้มลูกชายคนนี้แค่ไหน ถึงกับออกปากชมว่า ฮันเตอร์ เป็นบุรุษฉลาดที่สุดที่เขาเคยรู้จัก
แต่นักวิจารณ์ ตั้งคำถามว่า ฮันเตอร์ ผู้มีประวัติติดโคเคน และต้องความผิดอาญา 3 ข้อหาเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเท็จเพื่อซื้ออาวุธปืน เป็นบุคคลที่เหมาะสมในการให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีได้อย่างไร นอกจากนี้ ฮันเตอร์ยังต้องเข้ารับการพิจารณาคดี ข้อหาเกี่ยวกับเลี่ยงภาษีในเดือนกันยายน การมีคดีติดตัว จุดคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แม้ว่าไบเดนยืนยันจะไม่อภัยโทษลูกชาย แต่หากได้รับเลือกกลับมาอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้
โพลิติโค เวบไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐ อ้างแหล่งข่าวว่า ฮันเตอร์ยังเป็นคนที่เรียกร้องให้ปลด แอนิตา ดันน์ กับ บ็อบ เบาเออร์ ที่ปรึกษาคนสำคัญของไบเดน หลังถูกโยนบาปทำให้ไบเดนโชว์ฟอร์มแย่บนเวทีดีเบต และเวลานี้ บรรดาที่ปรึกษาที่ร่วมงานกับไบเดนมานาน กำลังอึดอัดและวิตกที่ฮันเตอร์ มาปรากฏตัวข้างพ่อในห้องประชุม
สัปดาห์ที่แล้ว ไมค์ เทอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรอง สภาผู้แทนราษฎร ยังส่งหนังสือถึงหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทำเนียบขาว เจฟฟ์ เซียนตส์ (Jeff Zients) แสดงความวิตกกรณีไบเดนปล่อยให้ลูกชายร่วมประชุมในทำเนียบขาว โดยเทอร์เนอร์ ต้องการทราบว่า ฮันเตอร์ได้รับรู้ข้อมูลจัดชั้นความลับบ้างหรือไม่ระหว่างประชุม