พิธีกร : คุณปูกับคุณหาญส์จริงๆแล้วมีเงินใช้หนี้ไหม?
ทนายกิ่ง : มีนะวันนั้นที่ไกล่เกลี่ย กิ่งรู้ว่ามีเงิน เพราะว่าเห็นว่ามีการขายที่และมีเงินพร้อมแล้ว
พิธีกร : ขายที่ได้แล้ว?
ทนายกิ่ง : มีที่ที่เขาขายได้แล้ว เขาก็มีเงินเข้ามาตอนก่อนหน้าวันไกล่เกลี่ยแล้ว ทนายได้เจอกับคุณหาญส์คุณปูประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่เราจะไปไกล่เกลี่ยกันที่สน. แล้วก็มีการเตรียมคดีกันประมาณ 1 สัปดาห์ ก็คุยเจอกันทุกวันก็ปกตินะแล้วเราก็คิดว่าเขามีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าประเด็นที่ว่าเขาติดตรงเรื่องที่ฝั่งโน้นอาจจะมีการละเมิดเขาบางส่วน แต่ตอนนี้เราก็ยังคุยกันอยู่ว่าเราจะจัดการปัญหาตรงนี้ยังไง
พิธีกร : เขารวยจริงไหม?
ทนายกิ่ง : รวยจริงหรือเปล่าเราไม่รู้ เพราะทางทนายก็ไม่ได้ไปขอดู statement เขา ว่าเขารวยจริงไหม จะถามว่าเขามีเงินอยู่ไหมเขามีเงินอยู่แล้ว
พิธีกร : เพราะว่าตามข่าวที่ออกมาบางทีเขาก็พูดว่าเขามีเงินอยู่ 14 บาทข้อเท็จจริงมันคืออะไร?
ทนายกิ่ง : จริงๆเรื่องนั้นมีพูดในรายการก็ถามเขาไปเหมือนกันว่า วันนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทางคุณปูได้เล่าว่ามีทางฝั่ง นายก. พยายามขอให้เขาจ่ายเงินมามา 500,000 บาท ค่าดำเนินการเรื่องที่ดิน เขาขอยุติการช่วยเหลือไม่เอาแล้ว ทางคุณปูก็เลยบอกว่าไม่มีเงินจริงๆ จะให้จ่าย 500,000 บาทได้ยังไง เขาก็เลยเอาบัญชีที่เขามีเงินอยู่ 14 บาทโชว์ให้ดู ว่ามีแค่นี้จะจ่ายเงินได้ยังไง แท้จริงแล้วเขามีหลายบัญชี เขาก็มีบัญชีที่ไม่ค่อยได้ใช้ แล้วก็มีบัญชีที่เขาใช้ แต่ที่เขาโชว์ให้ดูบัญชีที่ไม่มีเงิน อยากให้เห็นว่าเขาน่ะไม่มีเงินจริงๆ อย่ามาเรียกเงิน 500,000 บาทเขาไม่มีจะให้
พิธีกร : แต่ว่าหนี้ 1.4 ล้านบาท เขามีเงินจ่าย?
ทนายกิ่ง : มีแต่ยังไม่จ่ายตอนนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเราจะไม่จ่าย แต่เราแค่รอการไกล่เกลี่ยอีกสัปดาห์หน้า ว่าเราจะจ่ายยังไงอะไรยังไง
พิธีกร : ทำไมต้องรอ?
ทนายกิ่ง : ประเด็นที่ 1 ฝั่งโน้นเรียก 2 ล้านฝั่งโน้นบอกว่ามีหนี้ 2 ล้าน แต่มีหนี้จริงแค่ 1.4 ล้าน ถ้าจริงๆฟังรายการของเมื่อวานคุณลูกหมีเขาก็ได้ชี้แจงแล้วว่า เขากลับไปดู statement ตั้งแต่ช่วงปลายกันยายนจนถึงประมาณต้นปีนี้ทางฝั่งคุณลูกหมีโอนเงินไปให้ทางฝั่งคุณปูทั้งหมดประมาณ 4 ล้านกว่าบาท และก็ทางฝั่งคุณปูโอนคืน ทยอยโอนคืน ถึงประมาณช่วงเดือนมีนาคมประมาณ 2.6 ล้านบาท และถ้าคิดเป็น 4,000,000- 2,600,000 บาทจะเหลือหนี้ 1.4 ล้าน
พิธีกร : งั้นทำไมทางฝั่งคุณลูกหมีถึงบอกว่ามันเหลือ 2 ล้าน ?
ทนายกิ่ง : ถ้าตอบว่าก็เพราะว่าเขาถือตามสัญญากู้ไงคะ สัญญากู้ที่ทำตอนวันที่ 2 มีนาคมเขียน 2 ล้านบาท บวกกับเขามีเช็คที่คุณปูลงชื่อ 2 ล้าน เขาก็เลยถือตามนี้ ว่าเขามีสัญญากู้ 2 ล้าน แต่ทางกฎหมายคือเราต้องมาดูจริงๆว่าหนี้จริงๆคุณเหลือเท่าไหร่ ถ้าในสัญญากู้ 2 ล้านแต่แท้จริงแล้วหนี้จริงคุณมีแค่ 1.4 ล้าน ถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยมันเกิน 15% พอดอกเบี้ยมันเกิน 15% ผิดกฎหมาย เท่านั้นเอง