สำหรับผู้ที่ออกมาสนับสนุน ให้มีการฉีดวัคซีนป้องกัน covid-19 เข้าใต้ผิวหนัง คือ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ก่อนหน้านี้หมอธีระวัฒน์ได้โพสต์ถึงประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนใต้ผิวหนังมาแล้ว
ล่าสุด หมอธีระวัฒน์ ได้ขยายความถึงคุณประโยชน์ในการฉีดวัคซีน covid19 เข้าใต้ผิวหนังอีกครั้งหนึ่งว่า การฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนังมีมานานไม่ต่ำกว่า 3 ถึง 40 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ การฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนังจะมีกลไกพิเศษที่แตกต่างไปจากการฉีดเข้าระบบกล้ามเนื้อ จึงทำให้การใช้วัคซีนน้อยกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ถึง 5 เท่า ทำให้วัคซีนมีเพียงพอต่อการฉีดให้ประชาชนทั้งประเทศ ที่สำคัญ มีผลข้างเคียงน้อยมากถึงไม่มีเลย จะมีเพียงแค่เกิดตุ่มที่ผิวหนังเท่านั้น
สำหรับในประเทศไทย ที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ Booster เข็ม 3 ไปแล้วหลายร้อยคนซึ่งก็ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ อย่างที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตก็ได้ทำการศึกษา การฉีดวัคซีน Booster 3 เข้าใต้ผิวหนังหลังจากฉีดวัคซีนเชื้อตายมา 2 เข็ม ซึ่งก็ได้ ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และจากนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ เตรียมหันมาใช้การฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนังเกือบทุกแห่งแล้วทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดตัวซีนและผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฉีดเข้าสู่ระบบกล้ามเนื้อ
หมอธีระวัฒน์ ยังยืนยันว่า การฉีดเข้าสู่ผิวหนังเกิดขึ้นมานานแล้ว ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ยาก เช่น เด็กแรกเกิดที่ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค เช่นเดียวกับการทดลองทางการแพทย์อื่นๆก็ทดลองในชั้นผิวหนัง ซึ่งก็ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ จน whoให้การยอมรับ
หมอธีรวัฒน์ ยอมรับว่า ในปัจจุบันการฉีดวัคซีนในประเทศไทยยังเป็นการฉีดเข้าสู่ระบบกล้ามเนื้อ ซึ่งสถานการณ์ covid-19 วัคซีนในปัจจุบันถือว่ายังไม่เพียงพอ ถ้าเปลี่ยนมาใช้การฉีดใต้ผิวหนังก็จะลดปริมาณการใช้วัคซีนได้มาก เพื่อที่จะมีเพียงพอในการฉีดให้กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งในเร็วๆนี้ประเทศไทย เตรียมที่จะเปลี่ยนจากการฉีดกล้ามเนื้อ เป็นการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแทน