เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากชาวบ้านที่พักอาศัยริมสองฝั่งแม่น้ำบางปะกง ภายในตัวเมืองฉะเชิงเทรา ว่ากำลังเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากช่วงเช้ามืดของวันนี้ซึ่งเป็นช่วงของน้ำในแม่น้ำบางปะกงกำลังไหลลง ก็ปรากฎผักตบชวาจำนวนมหาศาลไหลตามน้ำลงมาจากทางตอนบน ทำให้เริ่มเต็มพื้นที่ของแม่น้ำบางปะกง ส่งผลกระทบ 100 % กับชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำประมง เพื่อหากุ้ง หาปลาริมน้ำ ต้องคอยหลบผักตบชวาไหลลงมากับกระแสน้ำ ด้านนายกิตติศักดิ์ ศรีมาน้อย อายุ 37 ปี อาชีพตกกุ้ง
เปิดเผยว่าตนเองมีอาชีพตกกุ้งมานานกว่า 10 ปี เพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว วันต่อวัน โดยกุ้งที่สามารถตกได้ก็จะนำไปขายที่ตลาด หรือไม่ก็ร้านค้าประกอบอาหาร รายได้กิโลกรัมละ 300-350 บาท คละไซค์ โดยเฉลี่ยตนเองจะสามารถตกกุ้งได้วันละประมาณ 1 กิโล หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในแม่น้ำบางปะกงและภูมิอากาศ ซึ่งช่วงนี้ถือว่ามีผลกระทบมาก เพราะถ้าตรงไหนมีผักตบชวา ก็จะไม่สามารถหย่อนเบ็ตลงไปตกกุ้งได้ เช่นเดียวกับคนตกปลาวัย 60 กว่าคนนี้ ก็จะมีอาชีพตกปลาม้าในแม่น้ำบางปะกง เพื่อนำไปขายหารายได้ ถ้ามีมากพอก็จะเก็บไว้กิน แต่เช้านี้ผักตบชวาไหลมาจนเกือบจะเต็มแม่น้ำบางปะกง ทำให้ยากต่อการเหวี่ยงเบ็ตลงไปในน้ำ เพราะถ้าหาจังหวะไม่ดี เบ็ตก็จะตกลงบนกอผักตบชวา และอาจต้องตัดสายเบ็ตทิ้ง เพราะไม่สามารถดึงเบ็ตเข้ามาริมฝั่งได้
ในขณะที่ปัญหาของผักตบชวาจะส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่ทำประมงเพื่อหาเลี้ยงชีพแล้ว ปัญหาของผักตบชวายังส่งผลกระทบไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวทางน้ำ การกีฬาทางน้ำ หรือแม้แต่ธุรกิจเรือลอยอังคาร โดยจะไม่สามารถนำเรือออกจากฝั่งได้เช่นที่เคยเป็น อันจะส่งผลกระทบต่อการหาเงินในชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่เคยมีหน่วยงานไหนสามารถเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง หรือถาวร ยิ่งทำให้วัชพืชเหล่านี้ส่งผลกระทบกับระบบนิเวชทางธรรมชาติ จนเกิดการเน่าเสียสะสมใต้ผืนน้ำ ที่เป็นแหล่งปากท้องของชาวบ้านหลายอาชีพ