พิธีกร : คุณเอ๋เล่าจุดเริ่มต้นของการโดนโกงให้ฟังหน่อย?
คุณเอ๋ : ไปรับสินค้ามาจากแม่ทีมเป็นแบบเครดิต เครดิตก็คือจ่ายสิ้นเดือน ก้อนแรกโดนคนชื่อจ๋าโกง 2.5 ล้านบาทแล้วก็มียิบย่อยมาอีกเรื่อยๆ มูลค่าทั้งหมดรวมแล้ว 4.2 ล้านบาท
พิธีกร : เราเริ่มไปขายสินค้าออนไลน์ได้ยังไง?
คุณเอ๋ : คือตอนนั้นเงินไม่พอ เลยอยากหาอาชีพเสริม ก็เลยหันมาขายออนไลน์ตอนแรกก็ไปเปิดบิลมาสต๊อกของทีละ 10 ชิ้นแล้วพอมันขายได้ก็เริ่มขยับขยายมาเป็นตัวแทน ก็เลยไปเอาเครดิตมาจากแม่ทีมอีกต่อนึงเพื่อที่จะมาปล่อยเครดิตให้ลูกทีมตัวเองต่อ
พิธีกร : คุณเอ๋ไปรับสินค้ามาอีกทีนึงไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ใช่มั้ยคะ?
คุณเอ๋ : ใช่ค่ะ
พิธีกร : ตอนแรกที่เริ่มเปิดบิลไปรับมาเท่าไหร่?
คุณเอ๋ : เริ่มเปิดบิลประมาณ 2-3 หมื่น แล้วก็เริ่มขยับขยายจำนวนเงินไปเรื่อยๆเพราะว่ามีตัวแทนเพิ่มขึ้น
พิธีกร : มันไปเกิดปัญหาได้ยังไง?
คุณเอ๋ : พอตัวแทนเพิ่มขึ้นเขามาเปิดบิลเยอะขึ้น เขาไม่จ่ายเงินค่ะก้อนแรก 2.5 ล้านบาท คือเขาไม่จ่ายก็เลยมีการฟ้องกันเกิดขึ้น
พิธีกร : ขายเกี่ยวกับอะไรคะ?
คุณเอ๋ :อาหารเสริม คอลลาเจน สกินแคร์
พิธีกร : แล้วลูกทีมคนนี้ คือลูกทีมของคุณเอ๋เขาเปิดบิลไป 2.5 ล้านบาท แล้วไม่จ่ายเงิน คุณได้คุยกับเขาไหม?
คุณเอ๋ : ก็ตามทวงค่ะ จริงๆมันเป็นยอดทบ จากเดือนก่อน 1.5 ล้านบาท แล้วก็มาทบอีกเลยรวมเป็น 2.5 ล้านบาท
พิธีกร : รู้จักลูกทีมคนนี้ได้ยังไง?
คุณเอ๋ : เคยซื้อขายกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เขารับไปไม่เยอะประมาณหลักหมื่น ก่อนที่เขาจะมาเอาหลักล้านก็เปิดบิลเราไป 200,000 บาท
พิธีกร : ก็แสดงว่าตอนแรกก็รู้จักกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แล้วเขาก็จ่ายเงินตามปกติ?
คุณเอ๋ : ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาบอกว่าเขาไปได้ลูกทีมมาจากแม่ทีมรายใหญ่ทางชลบุรี เขาก็ทำให้เราเกิดความมั่นใจว่าเขาได้ลูกทีมทางนั้นมา เราก็ดีใจกับเขาด้วย
พิธีกร : 2.5 ล้านบาทมันเป็นจำนวนที่เยอะมาก อะไรทำให้คุณเอ๋เชื่อใจว่าเขาจะไม่เบี้ยวเรา?
คุณเอ๋ : ก็คือตอนนั้น เรายังไม่เคยโดนโกงและในวงการแม่ค้าออนไลน์ยังไม่มีการโกงเกิดขึ้น ก็เลยมั่นใจว่าเขาไม่น่าจะเบี้ยว และเขาก็ไปได้ตัวแทนที่ชลบุรีที่เป็นรายใหญ่ซึ่งรายนั้นเขาน่าเชื่อถือได้ เราเห็นว่าเขาเปิดบินกันทีไรเยอะๆแล้วขายกันเก่งๆ เราก็เลยเชื่อแล้วก็มั่นใจ แล้วเขาก็บอกว่า เขาก็ได้ตัวแทนจากพวกพี่สะใภ้พวกคนในโรงงานเขาอีกเราก็เลยเชื่อเขาว่าเขาต้องจ่ายเงินให้เราได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564
พิธีกร : หลังจากที่เขาไม่จ่ายเราทำยังไง?
คุณเอ๋ : ก็มีการทวงเงินกันเกิดขึ้นตอนนั้นอุ้มลูก 1 เดือนไปทวงเขา ก็ไม่ได้กลับมาสักบาทเราคลอดลูกได้เดือนแรกแล้วเขาก็ไม่เห็นใจอะไรเราเลย เราก็ไปคุยกับเขาว่าจะจ่ายเรายังไงเขาก็บอกกับเราว่าเก็บเงินจาก 2 คนนั้นไม่ได้ คนที่ชื่อตองกับแอล เขาก็เลยไม่มีจ่ายหนู มันก็เลยทำให้เกิดการฟ้องกันเกิดขึ้น เราสู้คดีกันมา 2 ปี ตลอดระยะเวลา 2 ปีก็ไม่มีอะไรเยียวยาหนูเลย
พิธีกร : อย่างในกรณีที่คุณเอ๋เรียกเก็บเงินลูกทีมคนนี้ไม่ได้ แล้วคุณเอ๋มีความคิดที่จะไม่จ่ายเงินเจ้าของแบรนด์ไหม?
คุณเอ๋ : ไม่มีความคิดนั้นเลยค่ะ เราสำรองเงินตัวเองไปจ่ายเขา หนูไม่เคยเป็นหนี้ทำงานโรงงานมา 12 ปีไม่เคยกู้หนี้ยืมสินใครไม่มีก็คือกินตามไม่มี มาม่าหนูก็กินเป็นเดือนกับแฟนหนูร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
พิธีกร : การเปิดบิลหลักล้านแบบนี้ ทำไมเราถึงกล้าไปเปิดบิลหลักล้าน เพื่อออกให้กับลูกทีมเราก่อนหรอ?
คุณเอ๋ : ตอนนั้นหนูมีเงินสำรองค่ะ หนูมีเงินสำรองประมาณหลักล้าน หนูถึงกล้าให้คนชื่อจ๋าไป 2.5 ล้านบาทแต่หนูไม่คิดว่าหลังจากเดือนถัดมา ก็มีลูกทีมทำตามกันมาเรื่อยๆๆ อย่างเช่นเขาเอาสินค้าไปแล้วก็ไม่จ่ายเหมือนกันทุกคนทำเหมือนกันหมด ลูกทีมคนแรกเอาสินค้าของเราไปแล้วก็ไม่จ่ายเงิน เขาก็ทำเหมือนคนชื่อจ๋าเหมือนกัน คือเอาสินค้าไปแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน
พิธีกร : ลูกทีมเหล่านี้คุณสนิทกับเขาขนาดนั้นเลยหรอคะ?
คุณเอ๋ : เรียกว่าเราเคยซื้อขายกันมาก่อน บางคนก็คือมาเอาสินค้าจากเราหลังจากที่สินค้าของแม่ทีมเขาขาดเพราะว่าเรามีสินค้าตัวนี้ไหม พอดีแม่ทีมหลักของเขาของขาด เขาจะขอสินค้าตัวนี้หน่อย ตอนที่ซื้อขายกันแรกๆยังไม่มีการโกงกันเกิดขึ้น พอซื้อขายกันสัก 2-3 ครั้งเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมแบบนี้ อันนี้เกิดขึ้นหลังจากเคส 2.5 ล้าน
พิธีกร : คุณเคยเจอเคส 2.5 ล้านบาท มาแล้ว ไม่ได้ทำให้เราเกิดความระมัดระวังมากขึ้นหรอคะ?
คุณเอ๋ : เราก็ระวังเพิ่มขึ้นค่ะ แต่อย่างว่าแต่ละคนมาไม่ซ้ำหน้าเราไม่ได้รับคนใหม่ เป็นคนที่เคยซื้อขายกับเรามาก่อนเลยทำให้เขาอาจจะมาทำพฤติกรรมแบบนี้กับเรา และเคสที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ทนแล้ว ก็คือเคสที่โดนไปอีก 4 แสนบาท คนนั้นคือคนชื่อ “จอย” ทำให้หนูหมดตัวจริงๆ หมดทุกอย่าง หมดทุกสิ่งทุกอย่าง หนูก็เลยยอมกัดฟันหาค่าทนายเพื่อที่จะลองฟ้องเขาดู เพราะว่าหนูหมดเงินแล้ว หวังที่จะได้คืนมาบ้าง แต่มันก็ยังไม่ใช่อย่างนั้น
เคสคุณจอยเกิดขึ้นเพราะว่าตอนนั้นเขาเคยซื้อขายกับหนูครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นหลักพัน เขาซื้อพวกขนมจ่ายเงินสดแล้วหายไปช่วงนึง หนูก็เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก เขาก็ชอบกดไลค์สตอรี่เรา แล้วหนูก็เห็นเขาว่าชอบโพสต์ว่าเขาขายได้ขายปังในเฟซบุ๊ก มีเงินเป็นปึกๆ หนูก็เลยทักไปหาเขา ว่าทำยังไงหรอถึงปังใน tiktok อยากจะปังบ้างจัง เพราะว่าอยากออกจากระบบเครดิต ไม่ไหวแล้ว โดนโกงเยอะเกินประมาณนี้ เขาก็บอกกับหนูว่า เขาก็ทำคลิปไปเรื่อยๆ พอคลิปไหนแมทมันขายได้ มันก็จะติดเทรนประมาณนี้ค่ะ
พอผ่านไปช่วงนึงเขาก็ทักมาขอสินค้าบอกว่าหนูอยากได้สินค้าไปขาย ตอนนี้หนูมาทำงานอยู่ที่ระยองหนูอยากเอาสินค้าไปให้คนในโรงงานที่ระยอง แล้วก็ยังมีตัวแทนเก่าๆที่เขายังขายอยู่แต่ว่าเปิดบิลกับเรา สินค้าสั่งในจำนวน 40,000 บาท ซึ่ง 40,000 บาทนี้ เขาจ่าย แต่พอล็อตต่อไปเขามาสั่งเพิ่มขึ้นและล็อตต่อไปก็สั่งเพิ่มขึ้นอีกเกิดการทบยอดขึ้น เขาก็มามีพฤติกรรมที่บ่ายเบี่ยง ที่เราเชื่อเขาเพราะว่าเราก็บอกกับเขาตรงๆว่าจ่ายให้เราได้ไหม เพราะว่าเราโดนโกงมาเยอะมาก เขาก็บอกว่าเขาจ่ายให้เราได้ เพราะว่าเขามีลูกค้าเก่าๆอยู่ที่เคยซื้อขายกันแล้วเขาก็จะเอาสินค้านี้ไปขายในช่องทางติ๊กต็อกด้วย ติ๊กต็อกก็คือได้เงินสด มันเลยทำให้เรายิ่งเชื่อเขา ครั้งแรกสั่ง 40,000 บาทเขาจ่ายแต่ 400,000 บาทก้อนหลัง เขาไม่จ่าย เราก็พยายามตามทวงเขาทางเฟซบุ๊ก เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงเราไปเรื่อยๆแล้วก็มีจ่ายมาให้เรา 5,000 บาท 10,000 บาทตามกำหนดแล้วก็หายไปเลย