ปลาตายเกลื่อนบึงมักกะสัน จนท.เร่งเก็บซากฝังกลบ หวั่นน้ำเสีย

ส่วนปรากฎการณ์ที่คนแห่ลงไปจับปลาหมอคางดำนั้น นายชัชชาติ ระบุว่า จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับปลาหมอคางดำ เกี่ยวกับแค่ปลาลอยตาย เลยลงไปจับกัน เพราะมีการปิดปั๊มน้ำเพื่อซ่อมแซม และจุดนี้เป็นจุดที่มีออกซิเจน ทำให้มีปลามารออากาศกันเยอะ พอปิดออกซิเจน จึงทำให้ปลาน็อคตาย ซึ่งจนถึงตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว จึงไม่กังวลเรื่องปลาน็อคตายแล้ว แต่กังวลว่าจะมีปลาหมอคางดำมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งในส่วนของกลุ่มกรุงเทพมหานครได้รับรายงานว่า ปลาหมอคางดำจะอยู่ที่บริเวณบางขุนเทียน ซึ่งเป็นจุดน้ำกร่อย จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ปลาหมอคางดำ เริ่มว่ายมาถึงแหล่งน้ำจืดแล้ว วันนี้การประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและปริมณฑลก็เป็นการพูดคุยและหาเรื่องนี้ด้วย ส่วนตัวยังเชื่อว่า ปลาหมอคางดำ ระบาดมานานแล้ว เพียงแต่อาจจะยังมองไม่ออก แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราตระหนักรู้มากขึ้น และเผลอๆ เราอาจจะได้กินกันไปแล้ว

นอกจากนี้นายชัชชาติยังย้ำว่า เมื่อจับปลาหมอคางดำได้แล้ว ไม่คุ้มที่จะเลี้ยง เพราะทำลายระบบนิเวศ และทำให้สัตว์ที่มีมูลค่าเสียหาย แต่เมื่อจับมาแล้วพอกินได้ ก็จะได้มีแรงจูงใจในการจับหน่อย หลังจากนี้หากเจอปลาหมอคางดำก็จับได้ทุกคลอง แต่ในเขตอภัยทานห้ามจับเด็ดขาด

ขณะที่นายกรณิศ บัวจันทร์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี บอกกับทางทีมข่าวท็อปนิวส์ว่า วันนี้ภารกิจของทางเขตคือ มาตรวจดูสภาพความเป็นไปในปัจจุบัน เร่งดำเนินการจัดเก็บปลาที่ตายและนำไปฝังกลบ หากปล่อยเอาไว้จะทำให้น้ำเน่าเสีย เร่งระดมเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วนมาร่วมด้วยช่วยกัน สำนักงานเขตจะขนปลาตายไปฝังในสวนราชเทวีภิรมย์ ซึ่งขุดหลุมลึกประมาณ 2 เมตรเพื่อกลบฝังปลาตายและใช้ปูนขาวโรยกลบอีกชั้นหนึ่งเพื่อดับกลิ่น ซึ่งเป็นมาตรการจัดการ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์เร่งด่วนไม่มีใครคาดคิดว่าในบึงมักกะสันจะมีปลาหมอคางดำอยู่ด้วย และเท่าที่จัดเก็บตามการประเมินพบปลานิลเป็นส่วนใหญ่กว่า 80% ส่วนปลาหมอคางดำพบเพียงบางส่วนเล็กน้อย ประมาณ 10-20% ก็มีความกังวลใจอยู่บ้างที่พบปลาหมอคางดำ ที่อาจจะทำลายระบบนิเวศ

นายกรณิศ ยังบอกด้วยว่า คนที่นำปลาหมอคางดำ เข้ามาควรมีความรับผิดชอบ เมื่อนำเข้ามาแล้วมันส่งผลกระทบต่อความเสียหายความเดือดร้อนต่อส่วนรวมของบ้านเมือง ควรมีสำนึกความรับผิดชอบ ไม่ใช่พอถึงเวลาก็เงียบ