วันที่ 16 ก.ย.2564 นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กอายุ 12 – 18 ปี ว่า จากที่ ศธ.และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดให้เด็กอายุ 12 – 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียน นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยมีไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนคือ วันที่ 10 – 17 ก.ย. สถานศึกษาจัดเตรียมรายชื่อและจำนวนนักเรียนระหว่างนั้น ศธ.และ สธ.จัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อซักซ้อมความเข้าใจการฉีดวัคซีนและการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง วันที่ 17 – 22 ก.ย. โรงเรียน สถานศึกษา จัดประชุมทำความเข้าใจให้ข้อมูลกับผู้ปกครองในการฉีดวัคซีนให้เด็ก วันที่ 21 – 24 กันยายน โรงเรียน สถานศึกษาเชิญผู้ปกครองลงนามในแบบฟอร์มเพื่อแจ้งความประสงค์ (ยินยอม) ให้นักเรียนเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์
นายสุภัทร กล่าวว่า ในวันที่ 25 ก.ย. โรงเรียน สถานศึกษา นำส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนไฟเซอร์ แก่ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) หรืออาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) แล้วนำส่ง ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) วันที่ 26 ก.ย. ศธจ. , ผู้อำนวยการ สพท. , อศจ. , ผู้แทนหน่วยงานการศึกษาในจังหวัด ประชุมสรุปจำนวนและรายชื่อนักเรียนเพื่อนำส่งสาธารสุขจังหวัด วันที่ 28 – 30 ก.ย. สาธารณสุขจังหวัด จะวางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน วันที่ 1 ต.ค. โรงเรียน สถานศึกษา รับทราบกำหนดการและจัดเตรียมสถานที่ และจะทำการนัดเวลาและสถานที่ให้นักเรียนมาฉีดวัคซีนที่สถานศึกษาใด และวันที่ 4 ต.ค. เริ่มการฉีดวัคซีนแก่นักเรียน
นายสุภัทรกล่าวอีกว่า หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ คือ ถ้าฉีดเข็มที่ 1 ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม จะมีเด็กส่วนหนึ่งได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม และเด็กจะทยอยได้รับการฉีดเข็มที่ 2 จนครบหมดทุกคนภายในวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งก็จะทำให้โรงเรียนบางส่วนในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม สามารถเปิดเรียนแบบ On-Site สลับกับ On-Air ได้ภายในวันที่ 1 พ.ย. แต่ถ้าการฉีดวัคซีนให้เด็กเป็นไปตามแผน คาดว่าภายในวันที่ 15 พ.ย. โรงเรียน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะสามารถเปิดเรียนแบบ On-Site ได้ 100% ทั้งประเทศ
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานประกอบด้วยผู้ตรวจราชการ ศธ. ศึกษาธิการภาค และผู้แทนจาก สพฐ.ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมปัญหาการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ของครูและนักเรียน ในแต่ละจังหวัดเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียและหากพบปัญหาจะได้หาแนวทางแก้ไขพัฒนาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้เป็นการเรียนออนไลน์ เด็กที่เรียนในพื้นที่สีแดงเข้มบางคนกลับต่างจังหวัดตามผู้ปกครอง จะฉีดวัคซีนให้เด็กกลุ่มนี้อย่างไร นายสุภัทร กล่าวว่า สถานศึกษาจะต้องแจกแจงให้ได้ว่าในสถานศึกษาของตนมีเด็กที่ต้องการฉีดวัคซีนแต่อยู่ต่างจังหวัดกี่คน แล้วส่งรายชื่อให้ ศธจ.และ ศธจ.จะรวบรวมรายชื่อส่งให้กรมควบคุมโรคจัดสรรวัคซีนในจังหวัดนั้นๆ ให้ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็ก ซึ่ง อย. สธ. รับรองให้ฉีดในเด็ก เป็นวัคซีนที่ปลอดภัย ในการณีที่เกิดผลข้างเคียง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็พร้อมจะรับดูแลทั้งการให้สถานพยาบาลและให้ค่าเสียหาย แต่โอกาสที่จะมีผลข้างเคียงกับเด็กมีน้อยมาก