จากกรณี พบศพ นาย มอจตาบา กันบาริอาชาดี อายุ 64 ปี ชาวอิหร่าน เป็นเจ้าของร้านอาหาร
และ นางสาว ธนาภรณ์ พูนประโคน อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นภรรยาของชาวอิหร่าน ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทิ้งศพหมกอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ภายในร้าน บานู อิหร่าน เรสเตอร์รองท์ เลขที่ 20/132 หมู่ 10 ซอยเดย์ไนท์ พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ ส่วนผู้ก่อเหตุสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นลูกจ้างชาวเมียนมาร์ หลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจสอบชันสูตร พบศพผู้ชายเปลือยกายท่อนร่าง ถูกคนร้ายใช้กางเกงวอมรัดคอ เสียชีวิต ส่วนภรรยาถูกสายชาร์จแบตมัดมือ เชือกฟางมัดเท้า เปลือยกาย คว่ำหน้าเสียชีวิตตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.06 น.วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ญาติของผู้เสียชีวิตนางสาว ธนาภรณ์ พูนประโคน อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เดินทาง จากบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และพ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานนานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ที่ห้อง ศปก.สภ.เมืองพัทยา วอนให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท ที่ซื้อให้แม่เป็นของขวัญย้อนหลังวันเกิด และกระเป๋าเงินของแม่ ที่ยังหาไม่พบในตอนนี้ และเงินที่ชาวอิหร่านจะพกติดตัวไว้จ่ายค่าสิ้นค้าที่ต้องซื้อเข้าร้าน รวมถึงตู้เซฟนิรภัย ซึ่งยังไม่ได้ระบุระบุว่าสูญหาย
ผู้การชลบุรี เร่งออกหมายจับลูกจ้างพม่ามือฆ่าโหดนายจ้าง 2 ศพ หนีออกแม่สอด ลูกสาวเผย แม่หวังดีให้มือฆ่าพักด้วยกัน วอนตร.ตามหาทองคำของขวัญวันเกิดย้อนหลังแม่
ข่าวที่น่าสนใจ
ขณะน.ส.ลูกน้ำ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ลูกสาว เปิดเผยว่าไม่สามารถติดต่อแม่ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของแม่ปิดเครื่องไป จึงเกิดความเป็นห่วง จึงพยายามติดต่อ คนสนิทของแม่ให้ช่วยมาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่พบ ส่วนพฤติกรรมของลูกจ้างที่แม่เคยพูดถึงนั้น หลังจากที่เงินมาในร้านสูญหายบ่อย จึงขอความสงสัยในตัวลูกจ้างรายนี้ โดยวางแผนที่จะติดกล้องวงจรปิดแบบที่ไม่มีใครรู้ และยังเปิดเผยอีกว่าลูกจ้างรายนี้มีอารมณ์ร้อน ทุกครั้งที่ถูกต่อว่าจะมีอาการเก็บกด
ส่วน ที่มีการกล่าวอ้างว่าพ่อใหญ่ชาวอิหร่านมักจะทำร้ายลูกจ้างนั้นไม่เป็นความจริง แต่จะเป็นคนพูดเสียงดังเท่านั้น โดยเฉพาะเวลาดื่มเหล้า ซึ่งพนักงานเก่าก็ไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อน ในส่วนของสาเหตุสลดในครั้งนี้สันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีความโกรธแค้น เคืองใจกับเจ้าของร้านที่เป็นชาวอิหร่าน เนื่องจากแม่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยต่อว่าลูกจ้างรายนี้บ่อยๆ โดยปัญหาที่ต่อว่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินหาย แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าลูกน้องแต่เป็นการต่อว่าโดยรวมถึงตัวแม่ตนเองด้วย เพราะไม่รู้เงินหายไปไหน
นอกจากนี้แม่ยังเคยบ่นให้ฟังอีกว่าลูกจ้างชาวพม่ารายนี้ ได่พาแฟนสาวสัญชาติเดียวกันเข้ามาพักที่ชั้นสี่ของร้านอาหาร แต่ไม่ได้ทำงานที่ร้าน ซึ่งก่อนหน้านี้แม่เป็นคนชักชวนตัวลูกจ้างพม่าเข้ามาพักที่นี่เนื่องจากหวังดีในการเดินทางมาทำงานรวมไปถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงานที่ร้านอาหาร
ด้านพล.ต.ต. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีมีความคืบหน้าไปมากจนกระทั่งรู้ตัวผู้ก่อเหตุ และเตรียมออกหมายจับทุกเหตุทั้งสองราย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในส่วนของปมเหตุตอนนี้สันนิษฐานว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินที่สูญหายนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีอะไรสูญหายไป ส่วนอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นฆ้อนที่ตกอยู่ภายในที่เกิดเหตุข้างศพของผู้ตาย ซึ่งจะต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันผลชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์
ในขณะที่สองคนร้าย นั้นใช้วิธีการหลบหนีโดยขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งริมถนนเส้นเพชรตระกูล แล้วโดยสารรถแท็กซี่ ก็จะโดยสานต่อไปยังชายแดนแม่สอด ซึ่งรู้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ตำรวจพัทยาเตรียมขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ชาวเมียยนมาร์ 2 คน โดยยืนยันแล้วว่า มือสังหาร คือ นายจอ เมี๊ย อู ( MR.KYAW MYINT OO ) อายุ 23 ปี ชาวเมียร์มาร์ และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์ ( Miss Ei December ) อายุ 19 ปี ทั้งเข้าประเทศไทย ทางด้านแม่สอด โดยใช้ใบผ่านแดนชั่วคราว
ด้าน ตำรวจชุด สืบสวน สภ.เมืองพัทยา มีการสรุปเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เบื้องต้น นายจอ เมี๊ย อู ( MR.KYAW MYINT OO ) อายุ 23 ปี ชาวเมียร์มาร์ และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์ ( Miss Ei December ) อายุ 19 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์ มาจอดทิ้งไว้ ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านซอยเพ็ชรตระกูล ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ จากเมืองพัทยาไปลงที่เขตบางโพงพาง กรุงเทพมหานคร แล้วต่อรถไปที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นเดินทางเข้ามอบตัวกลับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม ฐานความผิดหลบหนีเข้าเมือง และสมัครใจขอเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเมียนมาร์ โดย ตำรวจ ตม.นครปฐม ได้เปรียบเทียบปรับ แล้วพาตัวไปส่งที่ด่านพรมแดนแม่สอด จ.เชียงราย จึงทำให้เชื่อได้ว่า ปัจจุบันคนร้ายทั้ง 2 คน เดินทางกลับสู่ประเทศเมียนมาร์ไปแล้ว โดยตำรวจไทย อยู่ระหว่างการประสานทางการประเทศเมียนมาร์ ในการช่วยติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน กลับมาเป็นคดีในประเทศไทยต่อไป
ภาพ/ข่าว อนันต์ กิ่งสร ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง