วันนี้ ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดฟังคำสั่ง คำฟ้อง ของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ซึ่งดำเนินการยื่นฟ้อง ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 รวม 7 คน กรณีแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือก การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และยกเลิกการประมูลในฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 165 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
โดยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี พร้อม พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (BTS) ได้เดินทางมาที่ศาลฯ หลังจากที่ทางศาลฯ ได้มีการนัดพร้อมเพื่อกำหนดพยานและกำหนดประเด็นในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้ารับฟังการพิจารณา นายสุรพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ TOPNEWS ว่า ในวันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดคู่ความระหว่าง บีทีเอสซี ฝ่ายโจทก์ และ ผู้ว่า รฟม.กับพวก 7 คน ฝ่ายจำเลย มาตรวจเอกสาร และตกลงในเรื่องพยาน การไต่สวนคดี ซึ่งทางฝ่ายจำเลย ไม่ได้เดินทางมา และได้มอบหมายให้ทางทนายความมาแทน
ส่วนรายละเอียดการนัดเป็นในเรื่องการขอเอกสารเพิ่มเติม ทั้งฝ่ายโจทย์ และจำเลย เพื่อจะออกหมายนัดอีกครั้ง 25 ตุลาคม 2564 และดูว่าเอกสารทั้งหมดครบถ้วน มีความเข้าใจดีหรือไม่ ก่อนนำไปสู่กระบวนการไต่สวน ซึ่งจะมีการกำหนดวันขึ้นอีกครั้ง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากภาพรวมทั้งหมด และการปรึกษากับทีมทนายความ รวมถึงการที่เห็นเอกสารที่ฝ่ายจำเลยนำมาส่งยื่นให้ศาลฯ ในวันนี้ จึงทำให้มั่นใจถึงกระบวนการพิจารณามากขึ้นอีกด้วย โดยในส่วนการพิจารณาคดีวันนี้ ทางด้านศาลอาญาคดีทุกจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้รับฟ้องเรียบร้อยแล้ว หลังจากดูเอกสารนัดแนะพยานก็จะนำมาสู่การไต่สวน และศาลจะพิจารณาว่ามีมูลหรือไม่ หากพบว่ามีมูลก็จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป
ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการยกเลิกประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก นายสุรพงษ์ ระบุว่า ทางด้านบีทีเอสซีได้มีการยื่นดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกัน 3 ศาล ไม่ใช่ 1 คดีอย่างที่ทางด้าน ผู้ว่ารฟม. ได้แถลงเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
โดย 3 คดีดังกล่าว เป็นการยื่นฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 1 คดี ศาลปกครองสูงสุด 2 คดี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตัดสิน ส่วนคดีที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้น ทางบีทีเอสซี ได้ยื่นฟ้อง เรื่องการแก้ไขทีโออาร์โดยมิชอบ และขอให้ศาลฯสั่งคุ้มครอง ซึ่งศาลได้พิจารณาให้กลับไปใช้ทีโออาร์เดิม และต่อมาได้มีการจำหน่ายคดี
แต่ยังมีการยื่นฟ้องเรื่องการละเมิดว่าการเปลี่ยนทีโออาร์ทำให้เกิดความเสียหาย โดยศาลปกครองกลางได้มีความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวมิชอบ และคดีนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา
ส่วนอีก 1 คดี คือ การยื่นฟ้องเรื่องการยกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยมิชอบด้วยกฏหมาย เพราะในการยกเลิกนั้นจะต้องชัดเจนว่า ใช้อำนาจใดในการยกเลิกการประมูล ซึ่งคดีนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นเดียวกัน
ด้านการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งใหม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทางด้านของ บีทีเอสซี เห็นด้วย และต้องการให้รีบดำเนินการ แต่ต้องการให้ใช้เกณฑ์ที่ถูกต้องและผ่านความเห็นชอบของหน่วยงานตามกฏหมาย แต่หากใช้เกณฑ์อื่น ทางด้านของคณะกรรมการม. 36 และผู้ว่ารฟม. ก็จะต้องรับผลชอบต่อไป
ขณะเดียวกัน หากนับระยะเวลาความล่าช้าที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มเปิดให้มีการประมูล จนมาถึงปัจจุบันโครงการนี้ถือว่า มีความล่าช้ามาก ซึ่งหากไม่มีการยกเลิกการประมูล เชื่อว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวสามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการหลังจากนี้ ในส่วนกรรมการมาตรา 36 และผู้ว่า รฟม. ซึ่งต่อไปจะมีการพิจารณาว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยขณะนี้กำลังพิจารณาส่งหนังสือไปยังผู้ที่รับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ ย้ำว่า ในวันนี้ ศาลได้รับคำฟ้องของทางบีทีเอสซี เเละนัดพร้อมทั้งสองฝ่าย เพื่อตรวจดูเอกสาร หลักฐาน และทำการไต่สวนมูลฟ้อง หากพบว่า คดีมีมูลความผิดจริง ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีต่อไป ถ้าศาลพิจารณาพบมูลความผิดตามคำฟ้อง ทางจำเลยทั้ง 7 คน ก็ต้องประกันตัว เพื่อต่อสู้คดีทั้งในส่วนของพยานหลักฐาน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด