ตร.เตรียมประสานขอหมายแดง ล่าตัว “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ฐานเป็นตัวการคดี “ขโมยเรือขนน้ำมัน” ของกลาง

ตำรวจบช.ก.ออกหมายจับ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" พร้อมพวกรวม 3 คน ฐานเป็นตัวการสำคัญ ในการขโมยเรือน้ำมันของกลางหนี เผย ทั้งหมดหนีออกนอกประเทศแล้ว เร่งประสานขอหมายแดง ส่งตำรวจสากลช่วยติดตามจับกุม พร้อมปูพรมค้นหาหลักฐานเพิ่ม 13 จุด 5 จังหวัด แจ้งดำเนินคดี 2 พนักงานฝ่ายการเงิน ที่โอนเงินให้ไต๋ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ ส่วนอีก1 รายอยู่ระหว่างหลบหนี

ตร.เตรียมประสานขอหมายแดง ล่าตัว “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ฐานเป็นตัวการคดี “ขโมยเรือขนน้ำมัน” ของกลาง – Top News รายงาน

เสี่ยโจ้ ปัตตานี

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนายการศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ ผอ.ศปนม.ตร.), พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.), พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน.) , พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม พร้อมคณะทำงานคดีเรือน้ำมันเถื่อนหายของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงรายละเอียดความคืบหน้า เกี่ยวกับปฏิบัติการตรวจค้นและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” พร้อมพวกรวม 6 คน

โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า หลังจากสืบสวนสอบสวนคดีผลเพิ่มเติม พบว่าเรือทั้ง 3 ลำที่หายไปนั้น มีกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องนอกจากผู้ต้องหา 15 ราย ที่เป็นบรรดาลูกเรือแล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องระดับสั่งการ โดยพบว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้สั่งการให้นายสมเกียรติและนายสำเริง ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้และทำหน้าที่คอยประสานงานให้กับเสี่ยโจ้ในประเทศไทย นัดหมายไต่ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี. , เรือกำไรเงินหรือซีฮอร์ส และเรือดาวรุ่ง ซึ่งเป็นเรือของเสี่ยโจ้ ให้มาพบเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีการนำวิทยุสื่อสารและ GPS มอบให้ไปไต๋ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ เพื่อใช้ในการสื่อสารนัดหมายวันเวลาที่จะหลบหนี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จนกระทั่งวันที่ 9 มิถุนายน หลังจากมีประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาว่ามีสภาพอากาศคลื่นลมแรง จึงส่งผลให้ต้องนำเรือของกลางไปจอดทอดสมอห่างจากจุดจอดเรือประมาณ 100 เมตร เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือ กลุ่มพวกเสี่ยโจ้จึงสบโอกาสนัดหมายกันผ่านวิทยุว่า วันที่ 11 มิถุนายน เวลา 2 ทุ่ม ต้องนำเรือตกหนีออกมาให้ได้ จนกระทั่ง 20:00 ของวันที่ 11 มิถุนายน เรือทั้ง 3 ลำก็เคลื่อนตัวออกจากจุดจอดท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบตามภาพวงจรปิด ก่อนมาทราบเหตุในวันที่ 12 มิถุนายน

โดยพยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่า เสี่ยโจ้และพวกรวม 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้นำเรือออกมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม จึงได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายสหชัยหรือเสี่ยโจ้ , นายสมเกียรติ และนายสำเริง ในข้อหาร่วมกันใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

ต่อมาวันที่ 18 กรกฎาคม ตำรวจกองปราบได้ขออำนาจศาลออกหมายค้น 13 จุดในพื้นที่สมุทรปราการ 1 จุด , สมุทรสาคร 2 จุด , เพชรบุรี 2 จุด , สงขลา 2 จุด , และปัตตานี 6 จุด ซึ่งเป็นบ้านหรือสำนักงานของผู้กระทำความผิด พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับคดีนี้ได้เป็นอย่างมากแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อเป็นสำนวนคดีในชั้นศาล

โดยพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 3 ราย หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วและนอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาอีก 2 รายที่จังหวัดปัตตานี ได้แก่ นางอนันตญา และนายนรินทร ในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากพบพฤติการณ์เป็นฝ่ายบัญชีการเงิน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้และเป็นคนโอนเงินให้กลุ่มไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ ทั้งนี้ ยังพบฝ่ายบัญชีการเงินอีก 1 รายที่เป็นลูกน้องของเสี่ยโจ้ คือนางลดาวรรณ ซึ่งพบว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยจะดำเนินการออกใหม่เรียกให้นางลดาวรรณมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งถ้าหากว่าไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็ดำเนินการออกหมายจับต่อไป

กล่าวโดยสรุปคือ คดีนี้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 หมายจับ ได้แก่ นายสหชัย หรือ เสี่ยโจ้ , นายสมเกียรติ และนายสำเริง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาในระดับสั่งการและอยู่ในระหว่างการหลบหนีออกนอกประเทศ รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับฝ่ายการเงิน 2 ราย คือ นางอนันตญา และนายนรินทร ส่วนนางลดาวรรณ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นฝ่ายการเงินได้หลบหนีออกนอกประเทศและอยู่ในระหว่างการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า หลังจากนี้ เตรียมที่จะดำเนินการขอออกหมายแดงกับตำรวจสากลในการจับกุม เสี่ยโจ้ ปัตตานี และพวกที่ถูกออกหมายจับรวม 3 ราย โดยฝากผ่านสื่อมวลชนว่า ขอให้ทั้ง 3 รายเข้ามามอบตัวต่อสู้คดี หากเชื่อมั่นว่า ตัวเองไม่ผิด ส่วนตนไม่มีความกังวลใจที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อด้วยหรือไม่นั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงแต่อย่างใด ในขณะที่ หนุ่ม เมืองเพชรนั้น ยังไม่มีพยานหลักฐาน เชื่อมโยงไปถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเรือหายในครั้งนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“หมอเหรียญฯ” เตือนสปสช.อย่าหาทำ ชี้ผิดอาญา ถ้ายกเลิกสัญญา "มงกุฎวัฒนะ" เป็น รพ.รับส่งต่อ
อธิบดีกรมที่ดิน ยัน "ชาดา" ไม่ได้เซ็นเพิกถอนกรรมสิทธิที่ดิน "อัลไพน์"
ผู้นำเกาหลีใต้ถูกคุมตัวไปสอบปากคำ
"พิพัฒน์" หารือ "รมว.เกษตรฯ" อิสราเอล ติดตามปัญหาคนไทย ยินดีได้โควต้าแรงงานปี 68 เพิ่ม 13,000 อัตรา
"ประเสริฐ" ยันแบงค์ชาติไม่ยอมให้ 2 แบรนด์มือถือ ปล่อยแอปเงินกู้นอกระบบ เบื้องต้นเตรียมเอาผิด 3 กระทง
"กทม." อยู่ในเกณฑ์สีส้ม ฝุ่นเกินมาตรฐาน 70 พื้นที่ เขตหนองแขมมากสุด
จัดแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระชนมายุ 26,469 วัน เท่ารัชกาลที่ 1 ชุด "รามอยุธเยศเศวตฉัตร"
"หมอวรงค์" สังหรณ์ใจ "รพ.ตร."เบี้ยวไม่ส่งเวชระเบียน ชั้น 14
รวบสาวบัญชีม้า แก๊งแอปฯปลอมลวงเหยื่อลงทุนทิพย์ พบประวัติโชกโชน มีหมายจับติดตัวเพียบ
สุดฉาว รวบ "ผอ.โรงเรียน" ค้ายาเสพติด หลังโดนตำรวจวางแผนล่อซื้อริมถนน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น