เฉลยมุมคิด CEO หงส์ไทย “กำไรให้น้อย คุณภาพให้มาก” ทำสินค้าออกมาดี ไม่มีวันตาย

เฉลยมุมคิด CEO หงส์ไทย "กำไรให้น้อย คุณภาพให้มาก" ทำสินค้าออกมาดี ไม่มีวันตาย

อีกครั้งสำหรับการขึ้นเวทีบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต ชี้แนวทางความสำเร็จให้น้องๆนักศึกษาได้ฟัง ภายในงาน VISION TALK ครั้งที่ 2 : ถอดรหัสความคิดสู่เส้นทางความสำเร็จ ของ “คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บจก. สมุนไพรไทย หงส์ไทย ในหัวข้อ “เรียนรู้ อยู่เป็น เห็นโอกาส” เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดยได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง สร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาที่เข้าร่วมงานมากกว่า 300 คน ณ Auditorium ชั้น16 อาคาร CP All Academy โดยงานสัมนาดังกล่าว กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) จัดขึ้นมาเพื่อมุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศ

CEO หงส์ไทย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ภายหลังจากที่ คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม ได้ร่วมประเดิมเวทีแรกภาคอีสาน ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษาฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ห้องประชุมสระหงส์ 1 เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67  ที่ผ่านมา ซึ่ง “คุณธีระพงศ์” ได้ถ่ายถอดชีวิตส่วนตัวถึงเรื่องราวในวัยเด็กที่ต้องฝ่าฟันทุกอุปสรรคกว่าจะประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของกิจการ (ชมย้อนหลัง https://www.youtube.com/watch?v=f8U4kaE56GQ) และในวันนี้นักศึกษาจากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ได้รับฟัง “คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม” ถ่ายทอดเคล็ดลับในการบริหารปกครองคนในองค์กร ให้มีความรัก ความสามัคคี จนทำให้ บจก. สมุนไพรไทย หงส์ไทย เติบโตมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ

ต้องเราต้องประชุมเยอะ เพราะปัญหาเยอะ

“คุณธีระพงศ์” เริ่มต้นเปิดหัวข้อสนทนาบนเวที ว่า ที่ผ่านมาหลายคนอยากทราบว่า “สมุนไพรไทย หงส์ไทย” บริหารงานอย่างไรถึงทำให้องค์กร ขยายใหญ่ขึ้นมีพนักงาน 500 กว่าคน และมีผลต่อการผลิตสินค้าออกมาได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ สิ่งที่เราทำเป็นประจำคือ เราจะเรียกประชุมครั้งละ 8 ชม. สูงสุด มีประชุมถึง 12 ชม. สาเหตุที่ต้องประชุมเยอะ เพราะปัญหาเยอะ ความไม่เข้าใจเยอะ ความไม่กล้าก็เยอะ และที่สำคัญคือ ความไม่รู้เยอะมาก ถ้าใครไม่อยากเข้าห้องประชุม บอกได้เลยว่าความรู้น้อย ถ้าอยู่ประชุมแล้วไม่เอาใจใส่ ก็ไม่ควรเข้ามาประชุม เพราะมานั่งแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์

“ทุกครั้งเวลาหลังประชุมเสร็จสิ้น เราจะมีอยู่ 2 ประโยค ที่ใช้อยู่เป็นประจำ ประโยคแรกเลยคือ “สู้ สู้ สู้ เพื่ออนาคตที่ดีของพวกเรา ” และประโยคที่ 2 คือ “ขอขอบคุณที่ร่วมกันสร้างความสุข ให้เป็นเหมือนทุกวันนี้” นี่คือประโยคทุกครั้งในการประชุม ใหญ่ ประชุมย่อย ยิ่งในปัจจุบันนี้ เรามีกฎระเบียบออกมาประมาณ 3 ปี แล้ว นั้นคือกำหนดให้มีการประชุมเช้า 07.45 น. ที่บริษัทมีประมาณ 20 แผนก ทุกคนต้องเข้าประชุมเช้า ใช้เวลา 15 นาที ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง ที่ทำแบบนี้เพราะ ปัญหาพนักงานเข้างานสายมันเกิดขึ้นมายาวนาน 15 ปี ทางเราก็เลยออกกฎประชุมเช้า ก็ถือว่าช่วยได้เยอะลดปัญหาต่างๆนาๆ เรื่องของหัวหน้างานกับลูกน้องด้วย”

“คุณธีระพงศ์” ย้ำว่า การนัดประชุมตอนเช้า จึงเป็นสูตรสำเร็จทำให้องค์กรสามัคคี ลึกซึ้ง แล้วก็ผูกพันลดช่องว่างในการไม่คุยกัน ระหว่างหัวหน้างานกับลูกน้อง การประชุมเช้าเลยเป็นการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้นำไปใช้ในการเรียนหนังสือได้เช่นกัน นักเรียน นักศึกษาเราควรจะเตรียมตัวตั้งแต่เช้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนหนังสือในแต่ละวัน

 

ต้องรักครอบครัว รักในการทำงาน

“สิ่งหนึ่งที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้ นั่นก็คือ 1.ความรัก สังคมไทยอยู่กันเป็นครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง และญาติ เป็นสังคมไทยที่มีเสน่ห์ให้คนต่างชาติอิจฉา มีอะไรก็ปรึกษากัน การบริหารองค์กรจึงใช้หลักคิดของความรัก เข้ามาเป็นส่วนประกอบ อย่างที่เคยเล่าไป เรื่องครอบครัว ตัวพี่เองรู้ตั้งแต่ อายุ 12 ปี พอจบ ป.6 ปุ๊บ รีบไปทำงานเลย เพราะสงสารพ่อแม่ ทั้งสองคนทำงานเหนื่อย ได้หยุดงานเฉพาะตอนป่วย ดังนั้นใครที่อยู่ในสถานะครอบครัวที่ไม่ลำบากจงภูมิใจว่าคุณโชคดีแล้ว ครอบครัวพี่เกิดมาจากหาเช้ากินค่ำ ถ้าพ่อไม่ออกหาเงิน ก็ได้กินน้อย แต่ถ้าออกไปหางานจะได้กินเยอะ การออกมาช่วยทำงานจึงถือเป็นการตัดสินใจถูกที่สุด ที่จะได้ออกมาแบ่งเบาภาระ สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ เราได้เห็นพ่อแม่ให้เราทุกอย่าง ได้กินได้อยู่ได้ใช้เครื่องนุ่งห่ม ก็จัดหาให้ ที่สุดของมันที่เราลึกซึ้งมากๆเลย คือเรื่องการ “ผ่อนเงินซื้อผ้าห่มให้เรา” ผ่อนวันละ 10 บาท ต้องผ่อนอยู่ ประมาณ 10 วัน”

“คุณธีระพงศ์” เล่าด้วยว่า ปัจจุบันพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว แม่แค่พี่น้องที่ยังอยู่ เหลือพี่ชาย เหลือพี่สาว เหลือน้องชาย เหลือพี่สะใภ้ น้องสะใภ้ เหลือหลาน เหลืออา เหลือเพื่อน เหลือคนใกล้ตัว และทั้งหมดอยู่ทำงานที่หงส์ไทยทุกคน ที่นี่จึงเป็นสังคมที่มีความสุข และไม่มีใครโกงเรา อันนี้เป็นความรักที่เราต้องสัมผัส เรื่องของการเติบโตมาใช้ชีวิต ส่วนความรักที่2 ที่ทำให้หงส์ไทยมีวันนี้คือ “รักงาน” ความสำเร็จถึงจะเกิดขึ้น แต่ถ้าวันนี้คุณยังไม่รักงานก็ไม่ผิด ถึงคุณจะไม่รักแต่อย่าขาดความตั้งใจ คุณอาจจะไม่ชอบงานนี้ คุณอาจจะฝืนใจ คุณอาจจะไม่ถนัด แต่คุณต้องหาเงิน นี่ไม่เป็นไรคุณทำไป แต่คุณต้องตั้งใจจากการเรียนรู้ และความตั้งใจมันจะทำให้คุณมีประสบการณ์ดีที่สุด

 

กำไรน้อย คุณภาพมาก ต้องรักผู้บริโภค

“สูตรของสังคมบอกว่ากำหนดว่า “กำไรต้องมาก คุณภาพต้องน้อง จะได้รวยไว” แต่สูตรหงส์ไทยคือ “กำไรให้น้อย คุณภาพให้มาก เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่า เรารักผู้บริโภค” กำไรน้อย ไม่ได้แปลว่าขาดทุน แต่กำไรน้อยแปลว่าคุณภาพสูง ผู้บริโภคจะได้รับคุณภาพที่มากขึ้น และเมื่อผู้บริโภคได้รับคุณภาพที่มากขึ้น นี่คือความแตกต่างของตัวสินค้า ไม่ว่าเราจะไปประกอบอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ให้เชื่ออย่างหนึ่งคือ ความถูกต้องนั่นคือความจริง เพราะวันนึงมันจะให้อนิสงค์เราแบบมหาศาล นั่นก็คือความเจริญ ถ้าเราทำธุรกิจแล้วไม่มีความเจริญ คนที่อยู่กับเราอยู่ยาก ทำไมเราถึงดึงให้คนกว่า 500 คนอยู่กับเราได้ นั่นแสดงว่าเค้าเชื่อว่าอยู่กับเราแล้วเจริญ เค้าถึงอยู่”

“คุณธีระพงศ์” บอกว่า นอกจากนี้สิ่งที่เราต้องมีคือ ต้องซื่อสัตย์ คือเราต้องซื่อสัตย์กับทีมงาน และลูกน้อง ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์กับพวกเค้าคือยากนัก ที่เค้าจะรักเรา แต่ก่อนที่เค้าจะรักเรา เราต้องรักเค้าก่อน และความรักมันพิสูจน์จากความจริง นั่นคือคำว่าซื่อสัตย์ ถ้าทำได้แบบนี้แล้ว รับรองว่าอยู่กันยาว ตอนที่เราเรียนหนังสืออยู่เราไม่รู้หรอกว่าความสำเร็จจริงๆอยู่ตรงไหน เราต้องสำเร็จคนก่อน มันถึงจะยั่งยืน เพราะคนเป็นพื้นฐาน รากฐานของความมั่นคง ถ้าคุณสำเร็จงานแต่คุณไม่สำเร็จคน สำเร็จมั้ย สำเร็จเหมือนกันแต่สำเร็จแล้วความมั่นคงไม่เต็มที่หรือ ไม่ร้อยเปอร์เซนต์

“จำไว้เลยว่าผู้บริโภคเป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุด มากกว่าผู้ผลิต เพราะผู้ผลิตผลิตลูกเดียว แต่ผู้ใช้ๆลูกเดียว แล้วเชี่ยวชาญด้วย ดังนั้นเวลาที่เราจะออกไปประกอบอาชีพเราอย่าไปคิดว่าคนโง่ เราต้องเตือนตัวเองว่า คนรู้ คนฉลาด แล้วเราจะไม่คิดเอาเปรียบคน และเมื่อเวลาที่คนรู้ว่าเราไม่เอาเปรียบ นี่แหละเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ”

 

ทำอะไรออกมาดีๆ แล้วไม่มีวันตาย

“คุณธีระพงศ์” เล่าต่อว่า การมาทำยาดมสมุนไพร เริ่มต้นจากการทำเป็นอาชีพเสริม สมัยก่อนทำงานด้วยขับรถคิวด้วย และก็เคยส่งน้ำพริกกับแคปหมูตามร้านโชห่วย ต่อมาภาวะเศรษฐกิจปี 2540 คนก็มีเงินจากภาวะถูกปลดจากงาน เอามาเปิดร้านโชห่วยกันเยอะแยะไปหมด ส่วนเราเองก็เริ่มเอาของไปส่งตอนปี 2541 มันก็เลยทำให้เราได้ทำการค้าแบบไปได้ดี แต่หลังจากปี 2541 เข้า 2542 เศรษฐกิจมันดิ่งและมันราบเลย ตรงนี้มันทำให้เราอยู่ยาก จากที่เคยส่งทุกอาทิตย์ ทุกวันนี้เดือนครึ่งยังไม่ได้ส่งเลย จึงต้องพยายามหาว่าจะทำอาชีพเสริมอะไร ก็ตัดสินใจไปเรียนทำพิมเสนน้ำออกมาขาย มันเป็นสินค้าที่เราคิดออกมาง่าย ซึ่งอะไรที่คิดง่าย จะประสบความสำเร็จยาก ซึ่งพิมเสนน้ำที่เราทำจะนำไปส่งร้านโชห่วยที่เรามี ร้านพวกนี้จะอยู่ในซอก ในมุม ในหลืบ ซึ่งค่อนข้างมีการตอบรับน้อยมาก ตระเวนไปแต่ละเดือน แทบจะไม่ได้เก็บเงินเลย มันจึงทำให้เราหยุดในการทำพิมเสนน้ำส่งร้านพวกนี้

“ต่อมาเราไปโดนรถชนในช่วงอายุ 24 ย่าง 25 แล้วต้องหยุดงาน 2 เดือน ทำให้เรากลับมาคิดใหม่ว่าต้องทำพิมเสนน้ำอีกรอบนึง เพราะลูกค้าบอกว่ามันใช้ดีนะ แต่พอมันได้ยอดน้อยเราก็เลยเลิกทำ อันนี้ยอมรับว่ามันเป็นอารมณ์ของคนไทยที่คิดอยากจะทำก็ทำคิดอยากจะเลิกก็เลิก เวลามีปัญหาก็ไม่ค่อยแก้ไขเปลี่ยนแปลง ไม่ค่อยจะสู้ เพราะดันไปเชื่อว่าทำแล้วก็ไม่สำเร็จจึงหยุดเลยไม่ทำแล้ว เดี๋ยวไปทำอย่างอื่น พอมีคนมาชวนไปทำอย่างอื่นก็ไป ไปตามคำแนะนำของคนรู้จักที่ว่าดี จึงทำให้เราไม่มีจุดยืนของการทำธุรกิจ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องบอกว่า อย่าคิดง่ายเวลาทำงาน ถ้าไม่ได้ก็ต้องแก้ ต้องสู้กับมัน พยายามให้ได้ก่อน”

 

“คุณธีระพงศ์” เล่าต่อว่า รอบที่ 1 จบไป กลับมาทำพิมเสนน้ำรอบที่2 ตอนโดนรถชน รอบนี้กลับมาทำให้เปลี่ยนแปลงความคิด รู้จักการวางแผน ซึ่งที่เราเคยส่งร้านโชห่วยอยู่เดิมมันไม่ได้ เราก็ต้องกลับมาคิดว่าแล้วกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อเราเป็นกลุ่มไหนกันแน่ เลยเบนเข็มไปส่งปั้มน้ำมัน ตามถนนใหญ่และมินิมาร์ท ของชำร่วย งานวัด รอบนี้กิจการดีผลิตไม่ทัน แต่ที่สุดของธุรกิจจำไว้เลย ถ้าธุรกิจในประเทศไทยที่ตัวไหนคนนิยมจะเกิดกลไกที่สำคัญคือการตีราคา หงส์ไทยเจอวิกฤตนี้ในตอนนั้น เพราะร้านค้าอยากได้ราคาที่ถูกลง โดยไม่คำนึงว่าลูกค้าจะได้สินค้าที่มีคุณภาพมั้ย ร้านค้าเหล่านี้ไปเลือกที่จะรับสินค้าราคาถูกเพื่อที่เค้าจะได้กำไรมากขึ้น สุดท้ายแล้ว เราต้องยุติการส่งพิมเสนน้ำครั้งที่ 2 ด้วยภาวะตีราคา แต่เราไม่ลดคุณภาพ ซึ่งถ้าลูกค้ายืนยันจะเอาเราจะส่งราคาเท่านี้

“ต่อมาก็เลยเบนเข็มชีวิตมาทำงานอย่างจริงจัง สุดท้ายสัจธรรมก็สอนเราว่า ความจริงก็คือความจริง และได้ออกจากงานมาด้วยความจริงที่เราประสบพบเจอในการทำงาน หลังจากนั้นก็ออกไปตระเวนหาลูกค้าเก่าตามร้านที่เราเคยส่งพิมเสน ดูว่าสภาวะมันเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วมาเจอประโยคที่คลาสสิคมากที่สุดเลย คือ “พี่หายไปไหนมา ยังมีลูกค้าของพี่มาตระเวนหาอยู่เลยนะ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้วที่ไม่ได้ส่ง ด้วยประโยคนี้ของเด็กปั้มทำให้เกิดจิ๊กซอว์ตัวแดงในใจ ที่ตอบได้ว่า “ทำอะไรออกมาดีๆ แล้วไม่มีวันตาย” คำว่าไม่มีวันตาย มาจากคำว่า “มาส่งเมื่อไหร่ มารึยัง อยากได้ อยากซื้อ” เค้าเรียกว่าลูกค้าเป็นคนปกชีวิตให้เกิดขึ้น ถ้าไม่มีประโยคนี้ ไม่ได้หงส์ไทย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ได้เกิดกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย คาดว่า 5 ล้านคน

ติดตามฟังการบรรยายฉบับเต็มของ คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม ได้จากลิงค์นี้ค่ะ

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สืบนครบาล" บุกจับบัญชีม้า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อ้างเป็น ตร. หลอกเหยื่อสูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
“บิ๊กป้อม” ปิดปาก ไม่ตอบปมคลิปเสียงหลุด ถูกแฉในรายการหมาแก่
คณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานการบริหารจัดการน้ำบาดาล ณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ซิมบับเวเล็งฆ่าช้าง 200 ตัวเลี้ยงประชาชน
รื้อกฎต่างด้าว รับโทษเท่าคนไทย ห้ามตั้งท้องเด็ดขาด ตรวจจับส่งกลับทันที
"บิ๊กต่อ" เข้าให้ปากคำคดีเส้นเงินเอี่ยว ‘เว็บพนัน-ส่วย’ ก.ร.ตร.ยันเอาผิดย้อนหลังได้ แม้จะเกษียณราชการ
คนร้ายลอบวางบึ้ม ทหารพรานยะลา เจ็บ 4 นาย
"นักวิชาการ" ค้านแก้รธน.หมวดจริยธรรม ชี้เป็นมโนสำนึก คนปกติทั่วไปชั่งน้ำหนักได้ 
ใครอยู่เบื้องหลัง บอมบ์ฐานบัญชาการรบ ที่มั่นสุดท้ายของ "ลุงป้อม"
ปลุกผีคดีเก่า ขุดอดีตขึ้นมาเปิดศึก ฟาดคารมกันดุเดือด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น