“คีรี กาญจนพาสน์” มั่นใจพรุ่งนี้ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินเป็นผลดี BTS ปมกทม.ค้างจ่ายหนี้ค่าเดินรถไฟฟ้า

"คีรี กาญจนพาสน์" มั่นใจพรุ่งนี้ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินเป็นผลดี BTS ปมกทม.ค้างจ่ายหนี้ค่าเดินรถไฟฟ้า

“คีรี กาญจนพาสน์” มั่นใจพรุ่งนี้ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินเป็นผลดี BTS ปมกทม.ค้างจ่ายหนี้ค่าเดินรถไฟฟ้า  Top News รายงาน 

 

25 กรกฎาคม 2567 ที่โรงเเรม อีสติน แกรนด์ พญาไท นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 โดยแจ้งที่ประชุมตอนหนึ่งว่า ตนขอเสียใจกับผู้ถือหุ้น ที่ในปีนี้ไม่มีเงินจ่ายปันผล จากผลการดำเนินงานที่ติดลบ ซึ่งตนเองก็รู้สึกไม่ดี เพราะไม่ได้เงินปันผล รวมถึงด้วยค่าใช้จ่ายที่ยังคงมีปัญหา ซึ่งตนไม่มีคำแก้ตัว เพราะเป็นความจริงที่เกิดขึ้น ยืนยันที่ทำมาทุกอย่างมีความโปร่งใส
ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่ได้จ่ายเงินปันผล เนื่องจากบริษัทขาดทุนจากการการลงทุนใน 2 บริษัท คือ จากบริษัท เคอรี่ และ ซิงเกอร์ โดยบริษัท เคอรี่ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ประสบปัญหาจากบริษัทคู่เเข่งที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่ร้อนแรง จนทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาขาดทุนใหญ่มาก ทำให้บริษัทอยู่ไม่ได้ เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ ๆ อยู่ไม่ได้จากการทำธุรกิจนี้ อาทิ บริษัทไปรษณีย์ไทย ก็ยังประสบปัญหาขาดทุน ประกอบสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยทำให้คนไม่ค่อยจับจ่าย

อย่างไรก็ตาม นายคีรี กล่าวว่า ตนขอชื่นชมคณะบริหารที่ตัดสินใจยุติการดำเนินการ เพราะหากยังทำให้ธุรกิจยืดเยื้อต่อไป จะลำบาก จึงต้องตัดสินใจตัดเคอรี่ออกไปก่อน เพราะคิดถึงการดำเนินการในปีหน้า หากเดินต่อไปก็ยังไม่แน่ใจจะจ่ายปันผลได้หรือไม่

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกันยังมีจุดปัญหาจากธุรกิจเดินรถโครงการสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จำนวนตัวเลขผู้โดยสารเติบโตช้า เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดจนสถานการณ์สงครามที่ยังมีต่อเนื่อง ทำให้ตัวเลขระบบขนส่งถดถอย และจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ประชาชน งดออกจากบ้าน และเวิร์คฟอร์มโฮม ประกอบกับ กระเเสเงินสดที่ติดขัด จากการไม่ได้รับค่าจ้างเดินรถกว่า 4 ปี มียอดรวมกว่า 4 หมื่นล้าน และค่าการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) จากกทม. และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที ซึ่งหลายฝ่ายรับทราบแล้ว

 

 

 


ในตอนท้าย นายคีรี กล่าวว่า ในส่วนของค่าจ้างเดินรถค้างจ่ายกับบริษัทกรุงเทพธนาคม กทม. ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) ศาลปกครองสูงสุดจะอ่านคำพิพากษา ซึ่งยังไม่สามารถทราบได้ว่าคำพิพากษาจะออกมาเช่นไร แต่ที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้รับค่าจ้างเดินรถ แต่บริษัทก็ไม่ทอดทิ้งคนกรุงเทพ และไม่เคยหยุดเดินรถไฟฟ้า พร้อมเชื่อว่า คำพิพากษาที่ออกมาจะเป็นคุณกับเรา และคำพิพากษาที่ออกมาแล้วไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งต้องดูว่าหลังจากนี้ บริษัทกรุงเทพธนาคมและกทม.จะชำระเงินให้บีทีเอสอย่างไร แต่เชื่อว่าจะทำให้กระเเสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

 

โดยก่อนหน้านี้ บริษัทกรุงเทพธนาคม กทม. ได้ยอมจ่ายเงินงานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดมาแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ผลประกอบการบริษัทปีนี้จะมีรายได้เข้ามาอีกกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทำให้อนาคตของบริษัท ผ่านการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการได้คิดอะไรใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนและสร้างโอกาสตอบแทนผู้ถือหุ้นต่อไป

โดยปัจจุบันหนี้ค่าจ้างงาน เดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 อยู่ที่ประมาณกว่า 40,000 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น