โดย “แพรวพราว” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อัปเดตเรื่องลูกๆ กับอดีตสามี เมื่อนักข่าวถามเรื่องโรงเรียนของลูก “บิ๊ก” บอกว่าอยากจะให้ “น้องนาริตะ” ไปเรียนที่ขอนแก่นมีความเห็นยังไง” ด้าน “แพรวพราว” ก็ตอบว่า “เรื่องลูกคุยกันแล้วตกลงแล้ว น้องต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ-ปทุม ประมาณนี้ คือเราแพลนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่ว่าพอพ่อเขาจะเอาไปเรียนขอนแก่นแล้ว แม่จะต้องเอาลูกมาเรียนที่กรุงเทพ ไม่ใช่ เรื่องเรียนเราวางแผนไว้แล้ว ตั้งแต่ช่วงที่ไปขึ้นบ้านใหม่ที่พัทยา เรื่องนี้ไม่มีขัดแย้งแน่นอนเพราะเราคุยกันแล้ว
และเมื่อนักข่าวถามว่า “แล้วเรายอมมั้ย ถ้าพ่อจะให้ไปเรียนที่ขอนแก่น?” ด้าน “แพรวพราว” ก็ตอบว่า “มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะลูกอยู่กับเรา เราเป็นคนติดลูก ไม่ได้ค่ะๆ แต่ถ้าเขาโตแล้วอยากไปก็ค่อยว่ากัน แต่ให้เขาโตก่อน”
ต่อมาก็ไม่รู้ว่าจากการที่ “แพรวพราว” ออกมาให้สัมภาษณ์พูดอะไรผิดไปตรงไหน เพราะเมื่อไปส่องที่โซเชียลมีเดียของ “บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” เจ้าตัวได้โพสต์ชวนสงสัยว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ “แพรวพราว” เพิ่งได้ให้สัมภาษณ์หรือไม่ โดยโพสต์ดังกล่าวของบิ๊ก ระบุข้อความว่า “พอแล้ว ตามบุญวาสนา ตามชะตากรรม ตอนนี้ขอทำงานตั้งตัว ก่อร่างสร้างฐานใหม่ก่อน ไม่ขอบืนสู้ในสิ่งที่มันหนัก เพราะมันเหนื่อยจิตใจ กลัวเป็นโรคสมองเสื่อมก่อน ปลง นานาจิตตัง ลุยงานเพื่ออนาคตครับ ถึงเวลามันก้อจะใช่และลงตัวเอง BNT” (อิโมจิรูปหัวใจ)
ทั้งนี้ยังพบว่า “บิ๊ก” ได้ออกมาไลฟ์สดและพูดถึงความรู้สึกที่มีคนถามเข้ามาว่า “รู้สึกยังไงบ้างที่น้องนาริตะจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ”
โดยในไลฟ์ “บิ๊ก” พูดเป็นภาษาอีกสาน ว่า “เพิ่นว่าเพิ่นสิไปอยู่กรุงเทพ สิไปเรียนอยู่กรุงเทพ ข่อยว่ามันคือเป็นตะไกลแท้กรุงเทพ เลาก็บอกว่า กรุงเทพมันกะมีสนามบิน ใกล้ดอนเมืองเด้ละ ข่อยก็เลยว่าแล้วแต่สิเฮ็ดเอา ข่อยปล่อยปลงแล้ว เอาตามที่ข่อยทำได้โลด ข่อยบ่บืนแล้วข่อยเมื่อย ปลงเท่านั้น”
ก่อนที่เมื่อ 10 กรกฎาคม 2567 เป็นวัน ที่ “บิ๊ก ผญบ.ฟินแลนด” และ “แพรวพราว” นั้นจะต้องเจอกันอีกครั้งเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน โดย “บิ๊ก” ได้เดินทางมายังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยโสธร แต่สุดท้าย “แพรวพราว” กลับไม่มาตามนัด ด้าน “บิ๊ก” จึงออกมาไลฟ์สด โดยระบุแคปชันเอาไว้ว่า “เอาตามนั้นละ เมื่อยวิ่งตามละ” และภายในไลฟ์สดเจ้าตัวโอดด้วยสีหน้าเบื่อเซ็ง ได้พูดเอาไว้ว่า สรุปเขาไม่มา ต้องเลื่อน เขาพาน้องนาริตะไปหาโรงเรียน เรามาก็มาฟรีวันนี้ ไกลก็ไกล เมื่อยก็เมื่อย แต่ต้องมารักษาสิทธิ์ นัดกันอีกทีรอบหน้า ต้องมาอีกทีสิ้นเดือน เสียเวลาทำมาหากิน ศาลจะตัดสินยังไงแล้วแต่จะตัดสินออกมา พอแล้ว
ขณะที่ด้าน “ทนายพัฒน์” โพสต์เฟซบุ๊กด้วย บอกว่า “ สำหรับคดีวันนี้นะครับ ไม่สามารถดำเนินการเจรจาได้ เนื่องจากอีกฝ่ายติดภารกิจจึงขอเลื่อนคดีออกไป ซึ่งจะมีการนัดพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยหรือสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 เวลา 10 นาฬิกา”
และอีกโพสต์ร่ายราวว่า “มาฟังมุมมองความเห็นทนายคดีแย่งลูกกันบ้าง!!!! มีหลายครอบครัวมากที่มีปัญหาในเรื่องของการแย่งลูกกัน ซึ่งบางฝ่ายคิดจะเอาตัวเด็กเป็นตัวประกัน เพื่อให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ นี่เป็นความคิดที่ไม่ค่อยถูกต้องเลย ….. หลาย ๆ คดีที่อยู่ในมือของผม เราในฐานะทนายความของฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ก็ตาม เราอยากให้ลูกความของเราได้ดูแลลูกเขาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งยังดื้อรั้น เราจะให้คำปรึกษาเสมอว่า การที่เราอยากได้แต่คำว่าชนะ เราก็อาจจะเป็นผู้พ่ายแพ้เสียเองในที่สุด เพราะคำว่าชนะผลกระทบมันจะตกแก่ลูกเรา บางทีเราอาจจะเป็นผู้ที่แพ้ในวันนี้ เพื่อนำไปสู่คำว่าชนะในวันหน้า เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเราอาจจะต้องเป็นผู้ที่เสียสละให้อีกฝ่ายไป (อยากทำอะไรทำเลย เต็มที่ ให้เลย เอาไปเลย) แต่ในการที่เสียสละนั้น เราก็ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้แล้ว ไม่ว่าตามความเป็นจริงและตามข้อกฎหมาย สักวันหนึ่งเมื่อลูกโตขึ้นมาเค้าจะรู้ว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งเขา เรามีเหตุผลอันสมควรที่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น และเราสามารถตอบสังคมได้ว่าสิ่งที่เราทำเพราะสถานการณ์เช่นนั้นบีบบังคับจริงๆ เราเต็มที่แล้ว อย่าหาว่าใจร้าย ลูกโตมาเขาจะเลือกของเขาเอง ……“คิดแบบผู้ไม่แพ้ แต่เป็นผู้เสียสละ และรอ” #ลูกต้องไม่อยู่ในเกม
ส่วนด้านเฟซบุ๊กของ “แพรวพราว แสงทอง” เมื่อไม่ได้มาศาล ได้มีการไลฟ์สดขณะจะพา “น้องนาริตะ” ไปสัมภาษณ์ ประเมินผลที่โรงเรียน โดยในไลฟ์ “แพรวพราว” มีสีหน้าสดใส พูดในไลฟ์ว่า “วันนี้จะพาน้องนาริตะไปประเมินผลการเรียน และจะย้ายไปโรงเรียนไหนค่อยมาว่ากันอีกที ตอนแรกน้องไม่อยากย้ายโรงเรียน งอแง แต่ตอนนี้เปิดใจแล้ว พร้อมบอกว่าจะตั้งใจเรียน โดยมีลุงกับป้าไปด้วย ซึ่งวันนี้เป็นวันที่คุณครูนัด และมีอีกหนึ่งโรงเรียนในวันที่ 12 แต่ถ้าไปวันนี้แล้วโอเค วันที่ 12 ก็ไม่ต้องไป เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าเสร็จธุระแล้วก็จะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน” ซึ่งในไลฟ์ “แพรวพราว” ก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องมีนัดที่จะต้องไปขึ้นศาลเจอกับ “บิ๊ก” แต่อย่างใด
จากนั้นก็ได้โพสต์ภาพของ “น้องนาริตะ” และลุงกับป้า พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “ตอนแรกรู้ว่าจะได้ย้ายโรงเรียน น้องนาริตะร้องไห้ไม่ยอม! กอดแม่ร้อง! แม่จ๋าหนูไม่อยากย้ายโรงเรียน หนูคิดถึงเพื่อน … แต่พอมาถึงโรงเรียน คุณครูพาเดินชมห้องเรียนโลเคชั่น ชวนพูดคุย สุดท้ายแล้วเดินมากอดแม่และมาหอมแก้มแม่ ….
แม่เลยถามว่า
แม่ : หนูชอบโรงเรียนไหมคะ
นาริตะ : ชอบค่ะ
แม่ : หนูตั้งใจเรียนนะคะ
นาริตะ : ค่ะแม่ ยิ้มกอดแม่
ขอบคุณป้ากับลุงที่ยอมทุกอย่างได้เพื่อหลาน
จากบ้านนอกเข้ากรุง เดี๋ยวก็ชินเองแหละ
สิ้นเดือนนี้น่าจะเตรียมย้ายบ้านอย่างเป็นทางการ
เปิดเทอม 8 สิงหาคม 67
นาริตะพร้อมมาก”
เเละล่าสุดบอกเลยว่ามีดราม่าอีกเเล้ว เมื่องานเข้า “แพรวพราว แสงทอง” ให้ลูกสาว “น้องนาริตะ” ขายของกลางไลฟ์สด ก่อนพูดคำนี้ ดราม่าทันที!
โดยช่อง TIKTOK molamstylekhoi หมอลำสไตล์ข่อย ได้โพสต์คลิปวิดีโอ “สาวแพรวพราว” นั้นก็ได้อยู่กับลูกสาวคนโต “น้องนาริตะ” โดยในคลิปวิดีโอ “น้องนาริตะ” ก็ได้บอกว่า “อยากเล่นแล้ว” ซึ่ง “แพรวพราว” ก็ได้บอกว่า “เล่นไม่ได้ต้องทำงานก่อน มาขอบคุณเอฟซี ก่อนยกมือไหว้สวยๆ” จากนั้น “น้องนาริตะ” ก็ได้บอกว่า “เอฟซีคือหลายแท้” ซึ่งทางด้าน “แพรวพราว” ก็ได้หัวเราะออกมา
ก่อนที่ช่วงหนึ่งจะแอบเป็นดราม่าเมื่อ “แพรวพราว” ได้หยิบคุกกี้ของ “แบรนด์น้องนาริตะขึ้นมา” แล้วก็ได้บอกว่า “นี่คุกกี้อะไรเนี่ย มาบอกก่อนเร็วๆ รู้จักทำการทำงานไหมนี่ ค่าเทอมมันแพง ค่าเทอมเจ้าแพงมากค่าเทอม”