ไม่จบ “อั๋น ภูวนาท” ไลฟ์ฟาดชาวเน็ต ปมดราม่า “น้องแดน” ลั่นอย่าปกป้องจนเวอร์ จะไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย 

โดย26 ก.ค. ที่ผ่านมา “อั๋น ภูวนาท” มาดำเนินรายการ “GREEN MORNING” ร่วมกับ “หนิง ปณิตา” ก็ได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว โดยเป็นทาง “หนิง ปณิตา” ที่ได้มีการเปิดประเด็น โดยบอกกับอั๋น ว่า “เรื่องของพี่อั๋น เต็มฟีดเลย ขึ้นเทรนด์ x เลยนะ เมื่อคืน” ด้านอั๋น บอกว่า “รู้นิดหน่อย เพราะมีคนส่งกำลังใจมา เราก็งงเป็นกำลังใจเรื่องอะไรหรอ เขาบอกเป็นดราม่า แต่ว่าคือถ้าพูดคำนี้เดี๋ยวมันจะเป็นคำที่ดูแรง แต่ผมไม่ได้มีเจตนาในความแรงของคำนะ แต่พี่ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เหมือนที่เราพูดกันบ่อยๆ ว่า มันมีข่าวเยอะมาก ที่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นข่าวในทุกวันนี้ แล้วหลายๆ ข่าวขึ้นพาดหัว ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีประเด็น”

ด้าน “หนิง ปณิตา” บอกว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ขณะที่ อั๋น บอกว่า “จริงๆ ไม่อยากออกมาพูดเรื่องนี้เลยนะ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ราคาด้วยซ้ำ วันนี้ก็มีสื่อมาขอสัมภาษณ์เต็มไปหมดเลย แต่พี่บอกว่าเปิดคลิปดู เปิดคลิปดูแล้วก็จบ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ ต่อความยาวสาวความยืด แต่ถ้าน้องอยากได้คอนเทนต์ บอกตรงๆ พี่ก็ให้สัมภาษณ์ได้ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน”

จากนั้น “อั๋น” ก็เล่าว่า  “ตนไปงานวสันต์ครบรอบ 28 ปี ซึ่ง วสันต์ ก็ให้เกียรติมาโดยตลอด เกือบ 20 ปี แล้วที่ทำงานให้ ซึ่งทุกปีเขาต้องมีการจัดงานอีเวนต์ใหญ่ เนื่องในวันเกิดเขา ซึ่งศิลปินดาราเยอะมาก ทั่วฟ้าเมืองไทย เมื่อก่อนมัน
ไม่มีอินฟลู ก็จะมีแต่ดารา ซุปตาร์ ที่เป็นตัว Main (เมน) แต่หลายปีที่ผ่านมาก็จะมีคนหลากหลายเจน รวมกัน แล้วก็มีอินฟลู เซเลป เจ้าของแบรนด์ มีคนหลากหลายมาก ซึ่งเมื่อเขามาเขาจะมีที่นั่งส่วนที่เป็นเซเลป ซุปเปอร์สตาร์ อินฟลู เรียงกันอยู่ สิ่งที่พวกเราต้องทำหน้าที่ทุกปีคือ ใครวะ? พูดตรงๆ มันเป็นเรื่องปกติ เอาดีเจในคลื่นเราบางทีเรายังไม่รู้จักกันทั้งหมดเลย เวลาไปงานเขาก็ต้องมาประชุมกันก่อน เพราะว่าทีมงานก็ไม่ได้รู้จักทุกคน อันนี้เป็นเรื่องปกติมากเลย”

ด้าน “หนิง ปณิตา” แสดงความเห็นว่า “แล้วรายชื่อคนมาร่วมงาน เรียกว่าเยอะมาก”

ซึ่ง “อั๋น” ก็บอกว่า “ใช่ ถูกต้อง ก็แค่นั้นเอง”

จากนั้น “หนิง” ก็บอกว่า “แล้วเราก็ต้องมาอัปเดตหน้างานอีกนะ ว่าใครมา ใครไม่มาเพราะบางครั้งมีการส่งรายชื่อว่าจะไป ถึงเวลามีการเปลี่ยนแปลง แล้วใครนั่งตรงไหนอีกด้วยนะ”

จากนั้น “อั๋น” ก็บอกว่า “แล้วเรื่องของเรื่องทีมงานเขาบอกว่า  พี่อั๋นขึ้นไปแล้วสวัสดีทักทายแฟนๆ ที่มารอ ศิลปินแต่ละคน แต่คุณอั๋น ทักหมดไม่ได้นะคะ เพราะถ้าทักหมดงานไม่ได้เริ่ม นี่คือเขาพูดกันเล่นๆ นะ เราสนิทกัน เพราะว่าห้างแตกเข้าใจป่ะ พี่ขึ้นไปพี่ก็บอกว่า เรามาทักกันหน่อยดีกว่า เพราะรู้ว่าแต่ละคนมาปักป้ายรอตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ผมทักแค่บางคนนะ เอาแค่บางคน นี่ก็เป็นดราม่าแล้ว สมมุตินะ ทำไมเลือกทัก หนิง ปณิตา ทำไมไม่ทักพี่อ้อม ฉันทักทุกคนไม่ได้หรอก เอาแค่นี้ก็ดราม่าแล้ว ถ้าคนจะดราม่า แล้วพี่ก็ทักว่า ฮัลโหล ทุกคนไหน พี่อั๋นทักใครพี่อั๋นจำไม่ได้ด้วยซ้ำ พี่อั๋นหันไปเห็นใคร พี่อั๋นก็ทัก แล้วบางทีเราทัก สมมุติคุณ นัท นิสามณี เขาใส่มงกุฏมา ก็จะทักว่า ไหนๆ ใครมารอผู้หญิงคนนี้ที่ใส่มงกุฏคนนี้อยู่บ้าง”
ด้าน “หนิง ปณิตา” แสดงความเห็นว่า “มันก็เป็นคำพูดที่ทำให้เราดูเป็นกันเองในงานอีเวนต์”

โดย “อั๋น ภูวนาท” บอกว่า “ใช่ พี่ก็ทักแบบนี้ไง แล้วหนึ่งในคนที่พี่ทักก็คือ น้องแดน แล้วพี่ก็บอกว่า ส่วนผู้ชายคนนี้นั่งอยู่หัวมุมเลย ใส่เสื้อสีอ่ะ ไม่อ่านไลน์กรุ๊ป นี่แซวนะ เพราะทุกคนในงานได้รับบรีฟว่าให้ใส่สีของอีเวนต์ คือสีเขียว ซึ่งพี่เข้าใจเพราะเราเป็นพิธีกร แต่ทั้งหมดนี้คือคำแซว แล้วเขาใส่สีม่วง คนเดียวในงาน คนที่เหลือก็คือ ไม่ดำ ก็ทอง ไม่ทองก็ขาว ไม่ขาวก็เขียวมีแค่นี้ แล้วพี่ก็ทักเขา แต่ที่ทักเพราะเขาเด่นมากไง แล้วพี่ก็ทักเขา แล้วบอกว่าไหนขอเสียงกรี๊ดหน่อยสิ รู้นะวันนี้แฟนคลับมาเยอะ อ่ะกรี๊ดสิ กรี๊ดได้กรี๊ด แล้วพี่ก็หันไปบอกคนอื่นๆ ซึ่งเชื่อพี่สิ มีคนไม่รู้จัก นี่คือเรื่องปกติ เราก็ให้เครดิตว่านี่คือตัวท็อปเลยนะ ของอินฟลูของประเทศ ณ ชั่วโมงนี้ วันนี้ นี่คือตัวท็อป เพราะเขาก็เป็นแพ็ค มากับพี่จอง พี่คัลแลน ไง ก็แค่นั้นเอง หลังจากนั้นก็ผ่านเลย พี่ก็เข้างานเชิญผู้บริหารให้เปิดงาน หลังจากนั้นทุกคนขึ้นเวทีเดิน พอเดินจบปุ๊บ พี่แนะนำทีละคนนะ ตรงแนะนำทีละคนเขาบอกว่า พี่อั๋นดูหน้างานนะคะ ถ้ามันแน่นแล้ว แล้วเวลางวดมาก ตรงนี้ตัด แต่ถ้าไม่งวดเกินไป แนะนำทีละคน ซึ่งแค่แนะนำทีละคนอ่ะหนิง เวลาจะบวกไปอีก 40 นาที หนิง คิดสิ ขอแค่คนละนาที แค่คนละครึ่งนาที มันเยอะมากไง คนมาเยอะมาก แต่ในที่สุดดราม่าคือ ทำไมพี่เรียกผู้ชายใส่เสื้อสีม่วงแล้วไม่เอ่ยชื่อ ก็ฉันเอ่ยชื่อด้านหลังไง เธอไม่อยู่หรอ ไม่อยู่จนจบงานหรอ คำที่จะถาม ดราม่าคือแค่นี้นะ ดราม่าคือ ทำไมตอนเรียกน้องแดนถึงไม่เอ่ยชื่อ”

“ตนไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นสาระ แล้วก็ไม่ได้ตำหนิสื่อที่เล่นแบบนี้ เพราะสื่อก็เล่นตามกระแส แต่หลายครั้งก็ไม่รู้มันเป็นการสร้างกระแส แล้วสื่อดันตาม แต่ว่าในที่สุดเรื่องพวกนี้ก็ทำให้เกิดดราม่าซึ่งไม่จำเป็นต้องมีในสังคม แล้วมันก็เลยสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้คนกลายเป็นคนดราม่าเกินเหตุ หรือทำให้คนบางกลุ่ม คนบางคน เรียกร้องความสนใจ หรือการมีตัวตน จากการเป็นดราม่าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพียงเพราะว่าบางคนอยากได้แสง ตนไม่ได้ด่าใครนะ แต่หมายความว่าบางครั้งวัฒนธรรมแบบนี้มี เข้าใจป่ะ หรือแม้แต่คนในวงการที่สร้างแสงให้ตัวเองด้วยการพยายามเป็นดราม่าก็มี ซึ่งตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ดูออก”