“ปดิพัทธ์” กร้าวไม่หวั่น หากหลุดเก้าอี้รองปธ.สภา หลังก้าวไกลถูกยุบ

“ปดิพัทธ์” กร้าวไม่หวั่น หากหลุดเก้าอี้รองปธ.สภา หลังก้าวไกลถูกยุบ

Top news รายงาน วันที่ 30 ก.ค. 2567 เวลา 13.24 น.ที่อาคารรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีวันที่ 7 สิงหาคม 67 นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) จะมีการพิจารณาวินิจฉัยคดีเรื่องการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งในวันที่ 7 สิงหาคมนั้น มีความเป็นไปได้หลายทาง จึงมองในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบทั้งหมดว่าสิ่งใดที่ทำได้ก่อนวันที่ 7 ส.ค.ก็จะรีบดำเนินการ และ ส่วนใดที่สามารถดำเนินการได้หลังวันที่7ส.ค. ก็ไว้เอาไปดำเนินการทีหลัง

ส่วนเรื่องนี้จะทำให้มีการหยุดการทำงานหรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่า ไม่เนื่องจากได้มีการวางแผนงานไว้อยู่แล้วทั้งเรื่องของการนัดการประชุมและการ ปฏิรูปโครงสร้าง ข้าราชการรัฐสภา รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและการแก้ไขกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ในรอบ 100 ปี ซึ่งยังมีงานที่ยังคงสามารถดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ และไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยหรือให้กำลังใจเพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกลบ้างหรือไม่ นายปดิพัทธ์ ระบุว่าได้มีการพูดคุยกันในฐานะเพื่อนแบบไม่มีพรรคกัน เนื่องจากเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจ เพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกลไม่มีบุคคลใดหวั่นเกรง ในการยุบพรรคและยังคงทำงานอย่างเต็มที่

ส่วนประเด็นวันที่ 7ส.ค. ทางด้านนายปดิพัทธ์ จะมีการเดินทางเข้าไปร่วมกิจกรรมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ เผยว่า ยังไม่ทราบคิวบัลลังก์ รับผิดชอบเพราะงานหลักของตนคือการรับผิดชอบการประชุมรัฐสภา หากไปรวมตัวของเพื่อนสมาชิกกันที่ใดนั้น คาดว่าคงจะมีการประชาสัมพันธ์ทีหลัง

ทั้งนี้หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปในทิศทางลบกับพรรคก้าวไกลจะมีผลกระทบกับตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่ นายปดิพัทธ์ รับว่า แน่นอน หากคำวินิจฉัยเมื่อยุบพรรคนำไปสู่การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคซึ่งตำแหน่งคุณสมบัติของรองประธานผู้แทนราษฎร ระบุไว้ว่าต้องเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร หากในวันที่ 7ส.ค. สภาพการเป็นสส.ของตนสิ้นสุดลง แน่นอนว่าตำแหน่งรองประธานสภาก็จะสิ้นสุดลงไปด้วย

 

 

ส่วนกระแสที่พรรคร่วมรัฐบาลนั้นต้องการตำแหน่งรองประธานสภาด้วยนั้นมีมุมมองความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะเนื่องจากอาจมีการเสนอตัวแทนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ เผยว่าเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของสภาเพราะว่าตำแหน่งของ รองประธานสภาอันดับหนึ่งและอันดับสอง นั้นเป็นการเสนอชื่อโดยสภาผู้แทนราษฎรส่วนตัวไม่ได้คิดว่าตำแหน่งดังกล่าวจะมีใครอยากได้มากนัก เพราะหากได้ไปแล้วก็ไม่เข้าใจว่าจะเกิดผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างไร ทั้งนี้ขอเพียงอย่างเดียวหากบุคคลใดเข้ามารับตำแหน่งแทนตนนั้นหากเห็นด้วยกับแนวทางที่ตนพยายามพัฒนาสภา หากมีการพัฒนาสภาต่อตนก็จะมีความสุขมาก

ส่วนที่ว่าตน มาจาก MOU พรรคร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนได้ตำแหน่งรองประธานสภา นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจว่า MOU ดังกล่าวจะยังคงมีสาระอยู่หรือไม่ ซึ่งยังคงคาดหวังการรักษาคำพูด เนื่องจากประชาชนก็เจ็บปวดมากับการรักษาคำพูดมาแล้วตั้งหลายครั้ง  ทั้งนี้ก็เป็นเพียงแค่ MOU เท่านั้นและที่ผ่านมาก็มีการฉีก MOU มาแล้วซึ่งไม่ได้คาดหวังมากนั้นเห็นหลักการที่ควรจะมีสส.ที่เป็นประธานหนึ่งในสามของรัฐสภาที่มาจากฝ่ายค้านที่จะสามารถตรวจสอบถ่วงดุลและทำให้เกิดความเป็นกลาง ไม่ใช่เป็นกลางในตัวบุคคลแต่เป็นควรเป็นกลางในสภา ซึ่งก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งฝั่งวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านจะได้คุยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทบ.ยืนยันอีกรอบ! ปมร้อน “แสตมป์” ไม่เกี่ยวกองทัพ พบไม่เคยร้อง 112
ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”
KIA-PDF ตีวงล้อมพม่า! ทอ.โผล่ช่วย แต่ยิงพลาดเป้า-สอยร่วงพวกเดียวกัน
จังหวัดฉะเชิงเทราปล่อยปลากะพงขาวเสริมทัพ คุมปลาหมอคางดำต่อเนื่อง ชูกินได้-อร่อยด้วย
ห้าดาว คว้า 3 รางวัลใหญ่ 'แฟรนไชส์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2024' พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการสู่ธุรกิจมั่นคง
ปลาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำญี่ปุ่นล้มป่วยเพราะเหงา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น