“สุรพงษ์” กางไทม์ไลน์ชัด ๆ ที่มายอดหนี้จ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เตือนกทม.-KT ต้องชำระหนี้ตามกรอบเวลา

"สุรพงษ์" กางไทม์ไลน์ชัด ๆ ที่มายอดหนี้จ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เตือนกทม.-KT ต้องชำระหนี้ตามกรอบเวลา

“สุรพงษ์” กางไทม์ไลน์ชัด ๆ ที่มายอดหนี้จ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เตือนกทม.-KT ต้องชำระหนี้ตามกรอบเวลา  Top News รายงาน

 

 

 

30 ก.ค 2567 บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (“บีทีเอส”) นำโดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง ”หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว“ หลังจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ค..ที่ผ่านมา ให้กรุงเทพมหานคร (“กทม.”) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (“KT”) ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน – วงเวียนใหญ่ – บางหว้า และช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง (เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงพฤษภาคม 2564) และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต (เดือนเมษายน 2560 ถึง พฤษภาคม 2564) จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท

โดยทางด้านนายคีรี กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง และเป็นวันที่รอคอยนาน 100,000 นาน ด้วยความกดดันกับทุกสิ่งที่ลงทุนไป และการหาทุนเพื่อไม่ให้การเดินรถหยุดชะงัก เพราะการหยุดเดินรถไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครทั้งบริษัทก็เกิดความเสียหายกทม. ก็เกิดความเสียหายรวมไปถึงคนที่ใช้งานประจำก็เกิดความเสียหายที่จะต้องหาระบบอื่นรองรับการเดินทาง เพราะตั้งแต่ไม่ได้รับเงินค่าจ้างเดินรถ เราต้องควักเงินให้กับทุกอย่าง โดยเงินพวกนี้ถือว่าใหญ่มากและตนก็มีนโยบายแน่นอนที่จะไม่ให้เดือดร้อนประชาชน และโชคดีที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินธนาคาร ในการรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและได้รับกำลังใจจากผู้ถือหุ้นในการต่อสู้

ทั้งนี้บีทีเอสได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง จนได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เราทำงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และประชาชน รับทราบมาโดยตลอด และ ณ วันนี้ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความพยายามที่บีทีเอสทำมาตลอดนั้นไม่สูญเปล่า และยังเป็นการยืนยันคำพูดของตนว่า “บีทีเอสทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง และได้ปรึกษาทีมกฎหมายอย่างครบถ้วน ถ้าสัญญาไม่พร้อมหรือไม่ถูกต้อง ตนย่อมไม่ลงนามอย่างแน่นอน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “คีรี” เปิดใจรอ 5 ปี ทำสำเร็จทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ฝากถึงกทม.เร่งชำระ พร้อมพูดคุยหาทางออก

 

 

“สุชาติ” แจงยิบคำพิพากษา “ศาลปกครองสูงสุด” ชี้ชัดกทม.KT ต้องชำระหนี้ ใน 180 วัน ยัน BTS พร้อมคุยทางออก

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ทางด้านนายสุรพงษ์ ระบุถึง Timeline คดี รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า สำหรับสัญญาจ้างเดินรถมีด้วยกัน 2 ฉบับ ประกอบด้วย ส่วนต่อขยายที่1และส่วนต่อขยายที่ 2

 

โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ค.64  BTS ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องให้กทม.และกรุงเทพธนาคม(KT) ชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง(O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่1และส่วนต่อขยายที่ 2

 

7 ก.ย.65 ศาลปกครองพิพากษาคดี O&M1 ให้ กทม.และKT ร่วมหรือแทนกันชำระหนี้ให้BTSตามคำฟ้องทั้งหมดประมาณ 11,755 ลบ.แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่1 ประมาณ 2,348 ลบ.และส่วนต่อขยายที่2 ประมาณ 9,406 ลบ.

 

6 ต.ค.65 กทม.และKT ยื่นอุทธรณ์คดี O&M1 ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง

 

22 พ.ย.65 BTSยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเรียกร้องให้ กทม.และKTชำระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง(O&M)รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ทุนทรัพย์ประมาณ 11,811 ลบ.(คดีO&M2) ปัจจุบันคดี O&M2 อยู่ระหว่างการวินิจฉัยและทำคำพิพาษาของศาลปกครองกลาง

 

17 ส.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดนัดพิจารณาคดี O&M1 ครั้งแรก ตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นให้ยืนตามศาลปกครองกลางให้กทม.และKTชำระหนี้

 

26 ก.ค.67 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ กทม.และKT ร่วมกันชำระหนี้ O&M
ปัจจุบันหนี้ค่าจ้างงานเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรวมดอกเบี้ยประมาณ 39,000 ล้านบาท

 

พ.ต.อ. สุชาติ ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ ได้วินิจฉัยประเด็นข้อโต้แย้งในคดีที่บีทีเอสร้องขอให้กรุงเทพมหานครและกรุงเทพธนาคม ชำระหนี้ค่าเดินรถและซ่อมบำรุงตามสัญญา 2 ฉบับ ไว้ 9 ประเด็น

 

 

 

ประเด็นที่ 1. ผู้ถูกฟ้องคดีที่หนึ่งและผู้ถูกฟ้องคดีที่สองต้องชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้แก่ผู้ฟ้องคดีหรือไม่ สรุปคือ ต้องจ่าย เพราะสัญญาทั้ง 2 ฉบับ

 

 

กำหนดให้ผู้ฟ้องคดีเป็นเพียงผู้ให้บริการเดินรถและเก็บค่าโดยสาร ไม่ต้องรับผลกำไรหรือขาดทุนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม การจ้างจึงมิได้เป็นการให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นเอกชน เข้าร่วมการงาน ประกอบกับผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับสัมปทานในเส้นทางหลัก จึงเป็นผู้ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรวมทั้งเก็บเงินค่าโดยสาร และเพื่อให้การให้บริการเดินรถส่วนหลักและส่วนส่อขยายเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน อันเป็นเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทาง จึงเข้าข่ายลักษณะที่ดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการพัสดุพ.ศ. 2538 ข้อ 21 (1) ดังนั้นสัญญาทั้งสองฉบับจึงไม่ตกเป็นโมฆะเมื่อสัญญาไม่ตกเป็นโมฆะ สัญญาทั้งสองฉบับ จึงมีผลสมบูรณ์ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงต้องชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุงให้ผู้ฟ้องคดี

และจะชำระเป็นจำนวนเท่าไร นำไปสู่ประเด็นวินิจฉัยที่ 2

 

ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่หนึ่งและผู้ถูกฟ้องคดีที่สองต้องชำระเงินค่าจ้างให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพียงใด

 

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีหนี้ตามสัญญา ๒ ฉบับ ( 11,755,077,952.10 บาท)

 

1.ตามสัญญาส่วนต่อขยาย 1 เป็นเงินต้นจำนวน 2,199,091,830.27 บาท

 

ดอกเบี้ยจำนวน 149,567,402.47 บาทรวมเป็นเงิน2,348,659,232.74 บาท

2 ตามสัญญาส่วนต่อขยายสองเป็นเงินต้นจำนวน 8,786,765,195.47 บาท

 

และดอกเบี้ยจำนวน 619,653,523.89 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,406,418,719.36 บาท
อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา คือ อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR)  ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาท บวกร้อยละ 1 ต่อปี

 

 

โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองต้องชำระ ให้แก่ผู้ฟ้องคดีพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญาของเงินต้นตามจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

แล้วกรุงเทพมหานครที่เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ด้วยหรือไม่ เป็นประเด็นวินิจฉัยที่ 3

ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดีที่หนึ่งจะต้องรับผิดชำระหนี้ร่วมกับผู้ถูกฟ้องคดีที่สองหรือไม่เพียงใด

 

 

 

ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยโดยอ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 797 วรรคหนึ่งมาตรา 810 วรรคหนึ่งมาตรา 815 และมาตรา 820 เห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่หนึ่งถือเป็นตัวการที่จะต้องร่วมรับผิดชำระหนี้กับผู้ถูกฟ้องคดีที่สองในฐานะตัวแทน
กรุงเทพมหานครในฐานผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ต้องร่วมรับผิดชอบชำระหนี้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น