กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า กองทัพรัสเซีย เริ่มการฝึกซ้อมทางทหารกับกองเรือในมหาสมุทรอาร์ติก มหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลบอลติกและทะเลแคสเปียน ประกอบด้วยกำลังพล 20,000 นาย เรือ 300 ลำ มีทั้งเรือผิวน้ำ เรือดำน้ำ และเรือสนับสนุน เครื่องบิน 50 ลำ และหน่วยพิเศษกว่า 200 หน่วย
วัตถุประสงค์หลักของการซ้อมรบ เพื่อทดสอบการทำงานของหน่วยควบคุมทางทหารในกองทัพเรือทุกระดับ ตลอดจนความพร้อมของลูกเรือ หน่วยการบินนาวี และทหารชายฝั่งของกองทัพเรือในการปฏิบัติภารกิจตามที่ตั้งใจให้ลุล่วง ตลอดหลายวันหลังจากนี้ จะมีการฝึกซ้อมรบและฝึกใช้อาวุธกว่า 300 รายการ เช่น ซ้อมใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ยิงปืนใหญ่ และการใช้อาวุธต่อต้านเรือดำน้ำ
คลิปวิดีโอที่กระทรวงกลาโหมเผยแพร่พร้อมแถลงการณ์ แสดงให้เห็นเรือรบกำลังแล่นผ่านสะพานรุสกี้ ที่ท่าเรือวลาดิวอดสต็อก ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย
ทั้งนี้ กองเรือ 4 กองจากทั้งหมด 5 กอง ได้แก่ กองเรือบอลติก แปซิฟิก แคสเปียน และกองเรือเหนือหรืออาร์กติก จะทำการซ้อมรบในพื้นที่ปฏิบัติการของตนเอง ที่ขาดไปก็คือกองเรือทะเลดำ ซึ่งติดพันภารกิจรบในยูเครน
สื่อตะวันตก รายงานว่า กองเรือทะเลดำของรัสเซียสูญเสียไม่น้อยจากการทำสงครามยืดเยื้อ 2 ปี โดยยูเครนอ้างว่า ได้ทำลายหรือก่อความเสียหายแก่กองเรือทะเลดำ 1 ใน 3 นับจากรัสเซียบุกยูเครน ภาพถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นรัสเซีย ขยับกองเรือส่วนใหญ่ ออกจากฐานทัพเรือเซวาสโตโพล บนคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียผนวกเป็นดินแดน ไปยัง โนโวรอสซีสค์ ที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันออก ส่วนผู้บัญชาการกองเรือทะเลดำ ถูกปลดเงียบ ๆ ในปีนี้
นักวิเคราะห์ทางทหารส่วนใหญ่เชื่อว่า รัสเซียมีกองทัพเรือทรงอำนาจที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ยังมีกองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ
การซ้อมรบมีขึ้นสองวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เป็นประธานพิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพเรือ ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.ค.) และได้มีถ้อยแถลงขู่ว่า จะเริ่มผลิตอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หากสหรัฐดึงดันจะประจำการขีปนาวุธพิสัยไกลในเยอรมนี หรือที่อื่น ๆ ในยุโรป
นอกจากนี้ ในงานวันกองทัพเรือ ยังมีเรือรบจากจีน เข้าร่วมด้วย ซึ่งยิ่งตอกย้ำความร่วมมือระหว่างสองมหาอำนาจ
Russia’s Navy has begun planned drills involving 20,000 servicemen and 300 ships, though the Black Sea Fleet is noticeably absent from the exercises.
Read more: https://t.co/wwDZPvRGyt pic.twitter.com/50mKovtrYe
— The Moscow Times (@MoscowTimes) July 30, 2024