“ชัชชาติ” ยันพร้อมจ่ายหนี้ BTS ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

“ชัชชาติ” ยันพร้อมจ่ายหนี้ BTS คาดก้อนแรกใช้เวลา 140 วัน เพื่อทำเรื่องเสนอสภากทม. หวังจ่ายให้ทัน 180 วัน ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

“ชัชชาติ” ยันพร้อมจ่ายหนี้ BTS ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด  Top News รายงาน 

 

 

31 ก.ค.2567 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม ประจำปี พ.ศ. 2567 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา กทม. (ดินแดง) ถึงการแถลงเรื่องหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ของบีทีเอส หลังศาลมีคำสั่งให้ กทม.และเคที จ่ายหนี้ให้แก่บีทีเอสว่า เมื่อวาน( 30 ก.ค.) ตนไม่มีเวลาดูการแถลงข่าวของบีทีเอส เพราะติดประชุมสภากทม. ทั้งวัน และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางบีทีเอส พร้อมเจรจาเรื่องมูลหนี้ที่เกิดขึ้น

โดยยืนยันว่า กทม. พร้อมทำตามคำสั่งศาล แต่ขอให้การประชุมสภากทม.จบสิ้นเสียก่อน ซึ่ง ขณะนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ย่อยข้อมูลคำพิพากษากว่า 100 หน้าอยู่ และยินดีทำตามคำสั่งศาลปกครองทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้กทม. สามารถเดินไปอย่างมั่นใจมากขึ้น

นายชัชชาติ ระบุอีก ที่ผ่านมาเรื่องการไม่จ่ายเงินค่าจ้างเดินรถให้บีทีเอส ไม่ได้เริ่มขึ้นในสมัยที่ตนมาเป็นผู้ว่า กทม แต่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ รวมถึงเรื่องคดีความ ดังนั้น หากตนจะนำเงินค่าจ้างเดินรถไปจ่ายให้เอกชนก็ไม่สามารถทำไดั เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ในชั้นศาลฯ จึงต้องรอให้ศาลฯ มีคำสั่งออกมา ทำให้ตนมีแนวทางที่ชัดเจนมาขึ้นว่าศาลมีมุมมองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร และต้องเคารพคำสั่งศาลฯ โดยหลังจากนี้จะต้องกลับไปอ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการต่อ ส่วนจะให้ กทม.จ่ายเงินให้เอกชนในวันพรุ่งนี้เลยนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นระเบียบราชการ และเงินที่นำมาใช้ไม่ใช่เงินส่วนตัว จึงต้องดำเนินการตามกระบวนการและต้องได้รับการเห็นชอบจากสภากทม.โดยผู้บริหารกทม. ไม่สามารถนำเงินงบประมาณ หรือ เงินสะสมจ่ายขาดมาจ่ายค่าจ้างให้บีทีเอสได้

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ทางด้านกทม. จะต้องดำเนินการตั้งเรื่องเพื่อส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภากทม. โดยจะต้องมีรายงานสภากทม.ให้รับทราบ ซึ่งคาดว่าจะใช้ไทม์ไลน์ประมาณ 140 วัน และจะพยายามให้การดำเนินกานทั้งหมด เสร็จสิ้นก่อน 180 วันตามคำสั่งศาลฯ พร้อมยอมรับว่า นอกจากคำสั่งศาลฯ แล้วยังมีเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่กดดันให้ กทม.เร่งดำเนินการ เนื่องจากเงินที่นำมาใช้เป็นเงินของประชาชน กทม. จึงต้องพยายามใช้ให้มีประโยชน์มากที่สุด

 

โดยยอมรับว่า ค่อนข้างหนักใจ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบกับประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นการใช้เงินจำนวนมหาศาลทำให้ส่งผลกระทบต่อโครงกาคอื่นๆอีกมากมาย ทั้งโรงเรียน การศึกษา รวมถึงผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากค่าจ้างของส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 8 พันล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท/ปี จึงต้องหาเงินส่วนต่างถึง 6 พันล้านมาจ่ายสัญญาที่ทำไว้ในอนาคต จึงถือเป็นเรื่องที่หนักสำหรับกทม. เนื่องจากกทม. ได้รับงบประมาณเพียงปีละ 9 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของวิธีแก้ไขส่วนต่างที่เกิดขึ้น โดยการปรับขึ้นค่าโดยสาร ก็ไม่สามารถที่จะผลักภาระไปให้ประชาชนได้ ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ละเอียดคร้้ง

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงมูลหนี้ที่เกิดขึ้น ทางกทม. จะมีการจ่ายหนี้ทั้งก้อนที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือจำนวนเท่าใด

 

นายชัชชาติ ระบุว่า ในการจ่ายหนี้ให้บีทีเอสนั้น จะต้องว่าไปตามคำสั่งศาลคดีแรกก่อน ส่วนคดีที่ค้างอยู่ในศาลฯ จะต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการจ่ายหนี้อย่างไร โดยจะต้องดำเนินทีละขั้นตอนและดูฐานะทางการเงินของกทม.ประกอบด้วย ยืนยัน กทม. พยายามจะทำให้ดีที่สุด และที่ผ่านมา กทม. ก็ได้มีการจ่ายหนี้ค่า E&M จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งศาลฯมาตนจะต้องดำเนินการหนี้ก้อนแรกก่อน ส่วนหนี้ก่อนอื่นจะต้องพิจารณาจ่าย ส่วนมูลหนี้ทั้งหมดก็จะทยอยจ่ายให้เอกชน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงสิ้นสุด ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 มีจำนวนกว่า 39,402 ล้านบาท แบ่งเป็น

 

• ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ให้กทม. และ KT ร่วมกันชำระให้กับบีทีเอสเป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท

• ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ให้กทม. และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับบีทีเอสของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (หนี้ค่าจ้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ถึง ตุลา คม 2565) เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น