วันที่ 17 ก.ย. – พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า สำหรับรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ 14,555 ราย หายป่วยกลับบ้าน 13,691 ราย เสียชีวิต 171 ราย รับการรักษา 129,421 ราย จากนี้ทาง สธ.จะให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือผู้ป่วยปอดอักเสบ และตัวเลขผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ ที่ต้องดูให้สอดคล้องกับบุคลากรและอัตราเตียงที่รองรับ
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ปัจจุบันอัตราผู้ติดเชื้อกลุ่มที่ตรวจด้วยการสวอบจะพบการติดเชื้ออยู่ที่ 18-19% เดินเข้าไปตรวจในโรงพยายาม อัตราการพบผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 20% ขึ้นไป โดยเฉพาะกรุงเทพฯ บางช่วงอยู่ที่ 30% จึงต้องเน้นย้ำโรงพยาบาลหากพบผู้ป่วยที่มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ ขอให้ยืนมาตรการเดิม คือตรวจโควิด-19 ด้วย 100% ส่วนการตรวจด้วย ATK โดยเฉลี่ยพบเชื้อ 20% โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เริ่มแจก ATK ให้ประชาชนที่ลงทะเบียนประเมินตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังไปแล้วเกิน 1 ล้านชุด ทั้งนี้ มีประชาชนรายงานกลับเข้ามาว่าบางจุดรับไม่สะดวกไกลจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยและมีความแออัด เพราะเป็นวันแรกมีหลายคนเดินทางไปรับชุดตรวจ ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอทั้งหมด โดยจะเร่งกระจายจุดรับบริการให้มากขึ้น ในระยะยาวทุกคนจะมีโอกาสได้รับการตรวจ เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า การเปรียบเทียบผู้ติดเชื้อ กรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะนี้กรุงเทพฯ มีปริมาณผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 37% ส่วนอีก 77 จังหวัด ทิศทางลดลง หลายจังหวัดมีการปรับลดเตียงให้เหมาะสมสถานการณ์ ซึ่งที่ประชุมขอให้คงเตียงผู้ป่วยหนักเหลืองและแดงไว้ก่อน เพื่อรองรับสถานการณ์ 10 อันดับจังหวัดผู้ติดเชื่อสูงสุด กรุงเทพฯ 2,911 ราย สมุทรปราการ 1,110 ราย ชลบุรี 935 ราย ระยอง 636 ราย ราชบุรี 501 ราย ยะลา 444 ราย สมุทรสาคร 387 ราย ปราจีนบุรี 367 ราย นครศรีธรรมราช 354 รายและสระบุรี 329 ราย
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคยังรายงานจังหวัดที่ติดเชื้อซึ่งไม่อยู่ใน 10 อันดับแรก แต่มีไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อที่คล้ายกันคือ พบในกลุ่มจัดงานเลี้ยง วงเหล้า หรือการสังสรรค์ในสถานที่ราชการอาทิ สำนักงานการไฟฟ้า ส่วนที่จ.ศรีสะเกษ เป็นวงดื่มน้ำกระท่อม ประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์โรงเรียนนายสิบ มีผลบวก 62 ราย ชลบุรี มี 2 คลัสเตอร์ คือศูนย์ฝึกทหารใหม่และกำลังพลนายเรือ เป็นต้น แม้ไม่ติดอยู่ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม แต่ต้องจับตาการรวมกลุ่ม ถือว่าเป็นความเสี่ยง ที่
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า ประชุมได้หารือและเน้นย้ำโรงเรียนประจำ โรงเรียนทหาร ศูนย์ฝึก หน่วยฝึกต่างๆ ให้มีการกวดขันมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเร็วๆ นี้จะมีเทศกาลสำคัญอย่าง เทศกาลกินเจ และการเลี้ยงมุทิตาจิต สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งที่ประชุมมีความเป็นห่วง โดยเทศกาลกินเจ จะเริ่มวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ขอให้พื้นที่จัดงานดำเนินการตามนโยบายทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนงานมุทิตาจิต ในช่วงข้าราชการเกษียณ และการแสดงความยินดีกับการเลื่อนระดับ ขอความร่วมมือให้จัดพิธีตามมาตรการสาธารณสุข ถ้าเป็นไปได้ขอให้ไม่มีการเลี้ยงสังสรรค์ รับประทานอาหารที่ต้องเปิดหน้ากากอนามัย
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ส่วนที่จะมีการนำร่องท่องเที่ยว “กรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์” วันที่ 15 ตุลาคมนั้น ยังไม่ถือเป็นมติ เพราะต้องทำตามขั้นตอน โดยต้องพิจารณาความพร้อมของพื้นที่และมาตรการควบคุมโรค มีการประเมินโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ