ศาลอาญา สั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา “จตุพร” แพร่เอกสารลับราชการ กระทบความปลอดภัยประเทศ

ศาลอาญา สั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา "จตุพร" แพร่เอกสารลับราชการ กระทบความปลอดภัยประเทศ

ศาลอาญา สั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา “จตุพร” แพร่เอกสารลับราชการ กระทบความปลอดภัยประเทศ

วันที่ 6 ส.ค. 67 ศาลอาญารัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ ที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในความผิดกระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความและเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ

คำฟ้องสรุปพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2552 จำเลยนำหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศลับมาก ด่วนที่สุด ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความลับของทางราชการ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ออกเผยเเพร่ทางสถานีโทรทัศน์ประชาชน (People Channel) โดยจำเลยแพร่ข้อความในหนังสือผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศปกปิดไว้เป็นความลับ สำหรับความปลอดภัยของประเทศ อันเป็นการกระทำเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความที่ปกปิดไว้เป็นความลับใบหนังสือดังกล่าวจำเลย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124

จำเลยให้การปฏิเสธ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ จำเลยเดินทางมาศาล ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเกิดเหตุ ก่อนที่จำเลยจะดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ประชาชน รายการความจริงวันนี้ จำเลยได้รับเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมาก มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการกับปัญหา ความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชา จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น นำเอกสารดังกล่าวไปเผยแพร่ทางรายการความจริงวันนี้ ต่อมากรุงพนมเปญ รายงานถึงปฏิกิริยาจากนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา มายังกระทรวงการต่างประเทศ

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลเห็นว่าเอกสารที่จำเลยนำไปเผยแพร่เป็นเอกสารฉบับเดียวกันกับเอกสารตามคำฟ้องของโจทก์ แม้เลขที่ของหนังสือ จะระบุเลขที่แตกต่างจากข้อความที่ถอดเทปจากรายการ แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาข้อความที่ถอดเทปมีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกัน ทั้งได้ความจากจำเลยตอบทนายจำเลยชักถามว่าเอกสารที่ ส.ส.สงวน พงษ์มณี นำมาให้เป็นคนละฉบับแต่มีข้อความคล้ายคลึงกัน จึงเชื่อว่าเอกสารโจทก์และเอกสารที่จำเลยได้รับจาก ส.ส.สงวน พงษ์มณี ที่นำไปเผยแพรในรายการความจริงวันนี้เป็นเอกสารฉบับเดียวกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่า หนังสือดังกล่าวประทับตราชั้นความลับ ลับมาก เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและการเมืองระหว่างประเทศ นำเสนอสถานการณ์ แนวทางการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หากมีการเปิดเผยเอกสารดังกล่าว จะทำให้ประเทศกัมพูชาทราบแนวทางการดำเนินการของไทย และทราบว่าไทย มีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในด้านใดด้านหนึ่ง ส่งผลให้ไทยไม่สามารถดำเนินการตามมาตรการที่คาดการณ์ไว้ได้ เอกสารซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมากนั้นเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเปิดเผยเอกสารลับมากได้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยขออนุญาตเปิดเผยเอกสารดังกล่าว

ซึ่งการเปิดเผยหนังสือทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความเสียหาย หนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเอกสารของราชการ ประทับตราชั้นความลับ ลับมากนั้น ตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการฯ ชั้นความลับ ลับมาก หมายความถึง ข้อมูลข่าวสารลับ ซึ่งหากเปิดเผยทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์แห่งรัฐอย่างร้ายแรง

เมื่อพิจารณาหนังสือมีเนื้อหากล่าวถึงการวิเคราะห์ท่าทีของฝ่ายกัมพูชา พัฒนาการ เป้าหมาย สภาพปัญหาและแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา มีข้อความระบุทำนองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นภัยหลักคุกคามรัฐบาลเเละพาดพิงไปยังผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการเปิดเผยข้อความดังกล่าวออกไปยังบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดี

สอดคล้องกับมีพยานเบิกความตอบโจทก์ซักถามว่า ภายหลังจากมีการเผยแพร่เอกสารแล้ว มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ในภาพรวม มีการลดระดับความสัมพันธ์และเรียกทูตของทั้งสองประเทศกลับ ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารหมายมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร โดยไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขใด อันจะถือว่าข้อมูลข่าวสารนั้นถูกยกเลิกชั้นความลับแล้ว และไม่ใช่ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบยี่สิบปีนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการจัด ให้มีข้อมูลข่าวสารนั้น ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 เอกสารดังกล่าวจึงยังไม่ถูกยกเลิกชั้นความลับโดยผลของกฎหมาย

 

ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่า ภายหลังจากมีการเผยแพร่เอกสารระดับชั้นความลับของหนังสือยังคงเป็นเอกสารลับมากเช่นเดิม ดังนั้น เอกสารดังกล่าวจึงยังคงเป็นเอกสารลับซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา แสดงให้เห็นว่า จำเลยทราบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารของทางราชการ ซึ่งประทับตราชั้นความลับ ลับมาก จำเลยยังอธิบายเนื้อหาสาระของเอกสารในส่วนของมาตรการที่อาจก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อประเทศไทย จำเลยย่อมทราบว่าการเผยแพร่ข้อความดังกล่าวสู่สาธารณชนอาจทำให้ประเทศกัมพูชาทราบและส่งผลกระทบต่อมาตรการที่ประเทศไทยกำหนดไว้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

 

ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยเผยแพร่เอกสารดังกล่าวผ่านทางรายการโทรทัศน์ เนื่องจากข้อความในเอกสารระบุว่าแนวร่วมประชาธิบไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ มุ่งจะโค่นล้นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เเละนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น อันการกล่าวหาจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง โดยการนำเอกสารไปแสดงในรายการโทรทัศน์และแสดงความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับเอกสารดังกล่าวนั้น

หากจำเลยเห็นว่าเอกสารดังกล่าวถูกยกร่างขึ้นและมีเนื้อหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถูกต้องตรงความเป็นจริง จำเลยชอบที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสารดังกล่าว โดยไม่มีสิทธินำเอกสารมาเผยแพร่สู่สาธารณชน ทั้งที่เป็นเอกสารลับของทางราชการและมีเนื้อหาซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

แม้จำเลยนำสืบว่าจำเลยมีเจตนาป้องกันผลประโยชน์ของประเทศชาติ เนื่องจากหากมีการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในเอกสารนั้น จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย แต่ขณะนั้นจำเลยอยู่ในฐานะ ส.ส.พรพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ชอบที่จะนำเรื่องดังกล่าวอภิปรายในที่ประชุมสภา ในส่วนที่จำเลยนำสืบว่า เอกสารนั้นไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนในการออกเอกสารลับตามระเบียบ แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาตามเอกสาร แล้วบุคคลทั่วไปย่อมทราบว่าเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาที่ หากถูกเปิดเผยไปแล้วอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พยานหลักฐาน

จำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยเองรับฟังได้ตามทางนำสืบของโจทก์ว่า การที่จำเลยนำเอกสารไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ประชาชนรายการความจริงวันนี้ จึงเป็นการกระทำการเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งเอกสารอันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ พยานหลักฐานของโจทก์ที่ทำสืบมา จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสูงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง

ด้วยเหตุนี้ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 124 วรรคเเรก จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมาทนายของจำเลยยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 250,000 บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น