"พล.ท.นันทเดช" เรียง 9 ข้อ ชี้เหตุ "ก้าวไกล" ไปต่อไม่ไหว คำแก้ตัวฟังไม่ขึ้น ลืมไปหมดเคยทำอะไรไว้
ข่าวที่น่าสนใจ
7 ส.ค.2567 พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ก้าวไกล ดูเสมือนจะยอมรับว่าก้าวต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว มีเนื้อหาดังนี้
มีเพื่อนในFB และ ไลน์หลายสิบคนถามแบบเกรงใจมาทำนองว่า “ ประมาณ 4 เดือนได้แล้วที่ผมไม่เขียนถึงเรื่องพรรคก้าวไกลเลย เขียนถึงแต่ ทักษิณ เป็นอะไรหรือเปล่า? “
กรณีนี้ผมขอรับรองครับ ถึงผมจะอายุมากแล้ว แต่ยังไม่มากเท่ากับกลุ่มคนที่พวกคุณยกตัวอย่างมา 3-4คนนั้น ผมยังเล่นดรัมมี่ เล่นกล็อฟ เล่นสนุกเกอร์ ขับรถเองในระยะสั้น ๆ ไปต่อรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ได้สบายๆ ยังพบปะกับ ผู้คนทุกชนชั้นทุกวัยอยู่เช่นเดิม ผมจึงขอรับรอง ตัวเองว่า “ยังไม่เริ่มเพี้ยน ไว้ใจได้เช่นเดิมครับ ดังนั้นขอเขียนถึงสักหน่อย
พรรคก้าวไกลตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้เขียนถึงมากนักครับ เพียงแต่ผู้คนในพรรค เคลื่อนไหวมีอาการเสมือนผึ้งแตกรัง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ก็ขอให้ย้อนหลังไปดูข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล รวมถึง ข้อเขียนของ นาย สุรพล นิติไกรพจน์ ด้วย จะเห็นได้ว่า
1.ข้อต่อสู้เหล่านั้น น่าจะไม่เข้าใจถึงระบบ ศาลรัฐธรรมนูญ ของประเทศไทย เพียงพอ เอาแค่เรื่องหลักๆก่อน เช่น เป็นพลเมืองไทยก็ต้องใช้ และ ยอมรับ รัฐธรรมนูญของไทย ถูกต้องไหมครับ ไม่ใช่ไปอ้างถึงรัฐธรรมนูญของชาติอื่นๆ หรือเอาคนชาติอื่น ที่ไม่เข้าใจ คนไทยส่วนใหญ่ มาด้อยค่าประเทศของตัวเอง
2.รัฐธรรมนูญของประเทศไทยมีขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่พรรคก้าวไกลตัดสินใจส่งคนลงสมัคร ส.ส.แล้ว ดังนั้นก็ต้องยอมรับ กติกาในรัฐธรรมนูญ แต่ทำไม ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล จึงล้วนแต่ยึดโยง กับ ปรัชญา และหลักวิชาการทางการเมืองของกลุ่มประเทศ ทางตะวันตก เสียเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่เข้าใจว่า หลักการต่างๆเหล่านั้น เกิดมาหลายๆร้อยปีแล้ว และในปัจจุบัน โลกมันเปลี่ยนไป มากๆๆๆๆๆๆ ลองคิดดูว่า สภาพของโลก คน และ วิทยาการต่างๆมันก้าวรุดหน้า ซับซ้อนขึ้นไปขนาดไหนแล้ว
ส่วนคนที่คิดกฏเกณฑ์ เหล่านี้ ก็คิดมาตั้งแต่มี ประชาชนแค่แสนคน
จนปัจจุบันบางประเทศ มีประชนเป็นร้อยๆล้าน แล้ว ดังนั้น ทุกประเทศจึงต้องปรับเปลี่ยนหลักการเดิมไป ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต และ จำนวนประชาชน ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่า ลองดูก็ได้ว่ามีประเทศไหน บ้างในเอเซียที่มีระบอบประชาธิปไตย เหมือนกันบ้าง จะเห็นได้ว่า แต่ละประเทศก็มี แนวทางประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับพลเมืองของตัวเองกันทั้งนั้น
3. ประเทศไทยก็มีการปกครอง ตาม “ ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “ มาตั้งนานแล้ว ดังนั้น ใครที่ทำอะไรกระทบต่อ สถาบันฯ ก็เท่ากับ บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติไปด้วย และ สถาบันฯท่านก็อยู่เฉยๆ คนทั่วๆไปไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย ผมก็สงสัยว่าคนที่จะไปยุ่งอะไรกับสถาบันฯ นั้น เป็นคนแบบไหน เพราะตอนผมหนุ่มๆอยู่ก็มีแต่พวกคนสติไม่ดี กับ พวกอยากดังเท่านั้น ส่วนนักการเมือง และ คนสติดี ๆ ไม่มีเลย ครับ
4.ข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกลตอนนี้ เมื่ออ่านแล้ว ดู เสมือนจะลืมไปหมดว่า คนในพรรคเคยไปทำอะไรทิ้งไว้บ้าง จึงไม่ได้ยกข้อเท็จจริงมาอ้างอิงประกอบข้อแก้ตัวเลย
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล คงน่าจะรู้ตัวดีว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง เพราะใน9ข้อต่อสู้ของพรรคที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ นั้น เสมือนกับเป็นการยอมรับผิดโดยปริยาย เพราะข้อต่อสู้ 5ข้อแรก (ดูจากภาพข้างล่างครับ) ถูกลดน้ำหนักลงไปมากจากข้อต่อสู้ในข้อ6 ถึง ข้อ9 เช่น
ข้อ 6 ระบุว่า “ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรยุบพรรคก้าวไกล” (เท่ากับยอมรับว่า ศาลมีสิทธิสั่งยุบพรรค )
ข้อ7 ระบุต่อว่า “ แม้ศาลจะมีคำสั่งยุบพรรค ก็ไม่มีอำนาจเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค” ( อย่าลืมว่า คนในพรรคเท่านั้นที่เคลื่อนไหวทำผิดได้ ส่วน ตัวพรรค นั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ คนจึงน่าจะต้องรับผิดมากกว่าตัวพรรค)
ข้อ8 ระบุต่อไปอีกว่า “ การกำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิ คณะกรรมการบริหารต้องพอสมควรแก่เหตุ “ ตีความก็เท่ากับ ยุบก็ได้ ถอนสิทธิก็ได้ แต่ขอให้ทำเบาๆหน่อย ( ข้อนี้ไม่มีความเห็นครับ คงให้ศาลเป็นผู้พิจารณาเอง ถ้าเกิดมีการยุบพรรคขึ้นมาจริงๆ)
ข้อสุดท้ายคือข้อ9ระบุว่า “ การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องเพิกถอนเฉพาะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการทำผิด” ( กรณีนี้ผมเห็นด้วย แต่ไม่ทราบข้อกฎหมายว่า คณะกรรมการบริหารจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน แบบ คณะรัฐมนตรีหรือเปล่า )
คงจบแค่นี้แหละครับ แต่ก็สงสัยว่าเมื่อส่งข้อต่อสู้แบบนี้ไปแล้ว
จะไปสร้างกระแสอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาอีกทำไมครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง