“ศาลรธน” สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ กก.บห. 10 ปี ชี้พฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง

"ศาลรธน" สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ กก.บห. 10 ปี ชี้พฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง

ศาลรธน” สั่งยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ กก.บห. 10 ปี ชี้พฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง

วันที่ 7 ส.ค. 67 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ  ได้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง วงเล็บ 1 และ วงเล็บ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรรมนูที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลและถูกเพิกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค

ศาลรธน. สั่งยุบพรรคก้าวไกล

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้ไล่เลี่ยงประเด็นข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกล เช่นศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยคดีนี้ และไม่มีอำนาจยุบพรรค ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญญของกฎหมายและร่างกฎหมาย พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมาตรา 210 วรรคสาม ให้นำความตามมาตรา 188 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาล ซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์มาใช้บังคับแก่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยโดยอนุโลม ซึ่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7(13) บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีอื่นที่รัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธธรรมนูญ และกฎหมายอื่น กำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลรัฐธธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคสอง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่งยุบพรรคการเมือง ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและสั่งยุบพรรคการเมืองได้

 

ส่วนประเด็นพรรคก้าวไกลโต้แย้งกกต.ว่าการยื่นคำร้องต่อศาลไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้ดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานหรือข้อโต้แย้งนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยว่า การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่หนึ่ง กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดได้กระทำการที่เข้าลักษณะตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (4) และกรณีที่สองเมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองใด กระทำการตามมาตรา 92 นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อเสนอความเห็นต่อ กกต.ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการรรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ.2566 จึงเป็นกรณีที่กฎหมายวางกฎเกณฑ์ของผู้เริ่มกระบวนการและลักษณะของข้อเท็จจริงไว้แตกต่างกัน ดังนั้นหาก กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองมีการกระทำที่เข้าลักษณะที่กฎหมายบัญญัติ กกต.ย่อมมีอำนาจยื่น คำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

 

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุอีกว่า คดีนี้กับคดีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธธรรมนูญที่ 3/2567 เป็นคดีรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกันและมูลคดีเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญย่อมไต่สวนพยานหลักฐานในมาตรฐานเดียวกัน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้วในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 11 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภาคณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ” ข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมต้องผูกพันศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ด้วย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธธรรมนูญที่ 3/2567 ว่าพฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างกฎหมายแก้ไข มาตรา 112 อันมีเนื้อหาเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยการใช้ประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อหวังผลคะแนนเสียงและชนะการเลือกตั้ง เป็นการมุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน พรรคก้าวไกลมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด การกระทำของพรรคก้าวไกล จึงเข้าลักษณะการกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย

 

ส่วนประเด็นข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกลว่า เมื่อพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชนที่มีความสำคัญในระบอบบประชาธิปไตยการยุบพรรคการเมืองต้องเคร่งครัด ระมัดระวัง ให้ได้สัดส่วนกับพฤติการณ์ความรุนแรงของพรรคการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พรรคก้าวไกลมีการกระทำอันฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง กฎหมายดังกล่าวใช้กับพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม แต่ทุกพรรคการเมืองต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับเดียวกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน หากมีพฤติการณ์ร้ายแรงกฎหมายจำเป็นที่จะต้องหยุดยั้งการทำลายหลักการพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญต้องสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามที่กฎหมายบัญญัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้นักวิชาการ นักการเมือง หรือนักการทูตของต่างประเทศไม่ว่าในระดับใด ต่างก็มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งข้อกำหนดของตนแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ การแสดงความเห็นใดๆ ย่อมต้องมีมารยาทสากลทางการทูตและการต่างประเทศที่พึงปฏิบัติต่อกัน

 

สำหรับผลการลงมติ ประเด็นที่หนึ่ง มีเหตุสมควรยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง และมีมติโดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1วินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสอง โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย คือ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

 

ส่วนประเด็นที่สอง คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคสอง หรือไม่เพียงใดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา 92 วรรคสอง มีกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล

 

ส่วนประเด็นที่สาม ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจะไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกไม่ได้ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่พรรคก้าวไกลถูกยุบตามพระระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 วรรคสอง หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยว่าห้ามมิให้ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีก ภายในกำหนด10 ปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 94 วรรคสอง

 

 

 

สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงที่มีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหา แก้ ม.112 อ้างอิงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีจำนวน 11 คน โดยจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ประกอบด้วย
1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
2.นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค
3.น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
4.นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตรตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
5.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ
6.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคใต้
7.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคกลาง
8.น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออก
9.นายอภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
10.นายสุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนปีกแรงงาน
11.นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

บ.สยาม ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด จัดงาน “MODEL SMS 20R” ขยายพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง ภายใน 5 ปี ชัยภูมิต้องปลอดจากการระบาดเป็นจังหวัดแรก
ตร.แจงชัด ติดข้อกม. ยังไม่ได้ตัว "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" พ่อค้าน้ำมันเถื่อนใหญ่ พบเบาะแสหนีอยู่กัมพูชา
กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานสะอาด และคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 68
เพจดังแฉอีก พรรคส้มแอร์ไลน์ ดูงานจีน “เจี๊ยบ อมรัตน์” โผล่ไปด้วย โดนชาวเน็ตสวน เที่ยวฟรีภาษีประชาชน
เสี่ยใจบุญ มอบทุนพัฒนาบ้านเกิดกว่า 3 ล้านบาท แจกทุนนักเรียนทั้งโรงเรียน คนละ 5,000 บาท
ตำรวจท่องเที่ยว ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ยกระดับการดูแลความปลอดภัย และป้องกันการหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว สร้างความชื่อมั่น รับไฮซีซั่น
"ทนายอาคม" รับทำคดีให้เฉพาะ "เดือน" ภรรยาทนายตั้ม ชี้เจ้าตัวไม่รู้สำนึก ดื้อดึงสู้หัวชนฝา
ประเด็นร้อน ! ข้อถกเถียงเรื่องภาษีบุหรี่ไฟฟ้า คุ้มค่ากับสุขภาพของคนไทยหรือไม่
ศาลออกหมายจับ "เอกภพ สายไหมต้องรอด" ปมพยานเท็จดิไอคอน
บีบหัวใจ ญาติช็อก "ศพหลานสาว" โผล่ลัทธิประหลาด เตรียมนำหลักฐานติดต่อขอรับร่างไปบำเพ็ญกุศลฯ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น