สำนักข่าวเกียวโดและ AFP รายงานว่าคิชิดะตัดสินใจยกเลิกการเดินทางเยือนประเทศเอเชียกลาง รวมถึงคาซักสถาน, อุซเบกิสถานและมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคมเป็นเวลา 4 วัน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 7.1 แมกนิจูดที่นอกชายฝั่งเกาะคิวชู ทางใต้ของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 8 สค.) ซึ่งทำให้เกิดการเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิในหลายพื้นที่ชายฝั่งทางใต้และตะวันออกของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานคลื่นขนาดใหญ่ตามมาแต่อย่างไร และมีความเสียหายเล็กน้อย ขณะที่ผุ้บาดเจ็บมีเพียง 8 คน
แต่สิ่งที่สร้างความวิตกและกังวลใจมากกว่าคือการที่สำนักงานพยากรณ์ญี่ปุ่นออกมาประกาศเตือนหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ว่าญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ภายใน 30 ปีข้างหน้า โดยโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูง 70-80 % ซึ่งถือเป็นการประกาศเตือนครั้งแรก ทำให้คิชิดะถึงกับตัดสินใจยกเลิกภารกิจต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวญี่ปุ่นที่กำลังขวัญเสียและวิตกกังวล
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อาจรุนแรงระดับ 8-9 แมกนิจูด และอาจเกิดขึ้นที่ชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวเคลื่อนตัวของเปลือกโลกสำคัญที่เรียกว่าแอ่งนานไก โดยก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญเคยเตือนว่าแผ่นดินไหวใหญ่ที่แอ่งนานไกจะเกิดขึ้นทุกๆ 90-200 ปี ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือปี 2489 หรือ 78 ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ขณะที่แผ่นดินไหว 7.1 แมกนิจูดเมื่อเย็นวานนี้ (8 สค.) ก็มีจุดศูนย์กลางที่ขอบแอ่งนานไก ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสและความเป็นไปได้ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในบริเวณดังกล่าว และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 แสนคนจากเหตุแผ่นดินไหว ไม่นับรวมผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์สึนามิที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมา
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าคำเตือนดังกล่าวช่วยให้ประชาชนที่อยู่ชายฝั่งตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิคตื่นตัวและเตรียมความพร้อมรับมือ รวมทั้งหาศูนย์หลบภัยใกล้บ้าน แต่อย่าตื่นตูมหรือตกใจจนเกินไป เพราะจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้