ผู้ถูกสำรวจมองว่า แฮร์ริส มีไหวพริบ ซื่อสัตย์ และมีความเหมาะสมทางอารมณ์สำหรับการบริหารประเทศ มากกว่าทรัมป์ ผลสำรวจนี้จะยิ่งเป็นแรงหนุนพรรคเดโมแครต ขณะที่แฮร์ริสและวอลซ์ เดินสายหาเสียงร่วมกันในสัปดาห์แรก โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในสวิงสเตทที่มีแนวโน้มตัดสินผลแพ้ชนะ

รัฐวิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน โหวตให้เดโมแครต ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 1992 เรื่อยมา จนกระทั่งทรัมป์สวนกระแสโพลล์ทุกสำนัก กวาดชัยชนะทั้งสามรัฐ ในศึกเลือกตั้งปี 2016 ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนกลับมาชนะในสามรัฐ ในปี 2020 แต่คะแนนห่างกันไม่มาก หากพรรคเดโมแครต ต้องการรักษาเก้าอี้ทำเนียบขาวไว้ให้ได้ ในการเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน รองประธานาธิบดีแฮร์ริส จำเป็นต้องชนะใน 3 รัฐนี้

นิวยอร์กไทม์ และ เซียนา คอลเลจ ระบุว่า กระแสนิยมที่เทไปทางตัวแทนเดโมแครต ส่วนใหญ่มาจากมุมมองของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อแฮร์ริส ซึ่งได้รับคำชื่นชมในเรื่องพลังบวก และการปราศรัยหาเสียงที่ย้ำถึงอนาคต

อีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจเดียวกันอาจจะทำให้ทรัมป์หัวเสียหนัก กิจกรรมหาเสียงที่ทรัมป์จัดขึ้นไม่กี่ครั้งในช่วงที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง และไม่อยากเชื่อกับโมเมนตัมที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ที่เขาเลือก เจดี แวนซ์ สมาชิกวุฒิสภารัฐโอโฮโอ มาเป็นคู่หูรองประธานาธิบดี

แวนซ์ ซึ่งถูกพรรคเดโมแครต ถากถางว่า เป็นคนแปลกประหลาด จากความเห็นเมื่อ 6 ปีก่อนที่บอกว่า สหรัฐภายใต้เดโมแครตบริหารโดยผู้หญิงเลี้ยงแมว หรือ แคต เลดี้ ไม่มีลูก จึงไม่รู้สึกอะไรกับกับอนาคตของประเทศ ผลสำรวจพบว่า แวนซ์ถูกมองในแง่ลบ หรือไม่ดึงดูดสำหรับผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งที่เป็นเดโมแครต รีพับลิกัน และอิสระ