นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความชัดเจนที่ กทม. จะเปิดเมืองว่า การที่ กทม. จะเปิดเมืองได้เมื่อไหร่ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะประชุมปรึกษาหารือกันอย่างรอบด้านให้ตกผลึกเสียก่อนว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้บริหารระดับสูงออกมาพูดกันคนละครั้งไม่ตรงกัน วันหนึ่ง รมว.ท่องเที่ยวออกมาบอกว่าจะเปิดเมือง กทม. 15 ต.ค. แต่หลังจากนั้น ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาบอกว่ายังไม่เคยพูดว่าจะเปิดเมืองได้ เพราะต้องฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของประชาชนในกรุงเทพฯ ให้ได้ 70% ก่อนถึงจะเปิดได้ ซึ่ง กทม. ตั้งเป้าว่าจะฉีดได้ 70% ในวันที่ 22 ต.ค. แต่ถ้าได้วัคซีนเร็วก็จะฉีดได้ถึง 70% เร็วขึ้น
จะเห็นได้ว่าการจะเปิดเมือง กทม. ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร ต้องทำงานประสานงานกันให้ลงตัวและร่วมกันทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่ปล่อยให้ต่างคนต่างคิด ต่างพูดต่างทำจนเกิดความไม่แน่นอน และก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการแก้ไขโควิดให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติของรัฐบาล
เพราะการเปิดเมือง กทม. เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเตรียมความพร้อมหลายด้านดังนี้
- ประชาชนในกรุงเทพฯ ต้องได้ฉีดวัคซีนเข็ม 2 มากกว่า 70%
- ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้พร้อมมากที่สุดก่อนเปิดเมือง กทม. โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชนแออัด และสถานที่พักอาศัยที่มีสภาพอยู่รวมกันจำนวนมาก
- หลังเปิดเมือง กทม. แล้ว หากพบการแพร่ระบาด ต้องมีมาตรการเชิงรุกที่พร้อมจะเข้าควบคุมพื้นที่ทันทีหลังพบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ใหญ่
จึงขอฝากนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศบค. ช่วยจัดการให้ทุกหน่วยงานประสานงานกันให้พร้อม ก่อนที่จะออกมาประกาศว่าจะเปิดเมือง กทม. ได้เมื่อไหร่ ไม่ควรปล่อยให้เกิดสภาพที่ใครอยากกำหนดจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ ทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ หากภาครัฐมีความชัดเจน ภาคเอกชนและคนทำมาหากิน จะได้เตรียมพร้อมรองรับการเปิดเมือง กทม. เพื่อช่วยกันทำให้การเปิดเมืองเดินหน้าได้ และไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงปกติได้มากที่สุดต่อไป