เด็กนร.โดนไฟดูด หน้าป้ายรถเมล์ ตกใจสะบัดมือโดนเหล็กหวิดนิ้วขาด ล่าสุดกทม. ตรวจตู้ควบคุมหาสาเหตุแท้จริง

เด็กนร.โดนไฟดูด หน้าป้ายรถเมล์ ตกใจสะบัดมือโดนเหล็กหวิดนิ้วขาด ล่าสุดกทม. ตรวจตู้ควบคุมหาสาเหตุแท้จริง

Top news รายงาน จากกรณีที่เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว 3” โพสต์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความว่า “เด็กนักเรียนชายถูกไฟดูดที่เสา แล้วสะบัดมือออกไปโดนเหล็กบาด จนเอ็นขาด บริเวณป้ายรถเมล์ ถนนสุขุมวิท 71”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรุงเทพมหานคร เข้ามาตรวจสอบพอดี โดย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่า ตู้ดังกล่าวมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือมีอะไรชำรุด ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทางกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคนเจ็บทั้งหมด รวมทั้งจะมีการตรวจสอบตู้ไฟฟ้าป้ายรอรถเมล์ทุกตู้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า มีตู้ใดชำรุดหรือไม่ และอาจจะมีการพิจารณานำวัสดุอื่นมาคุมตู้ไฟฟ้าไว้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

 

 

 

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ คือ น้องฌอน อายุ 11 ปี ที่โรงพยาบาล ซึ่งทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับ นายฉันพชร นิลกำแหง อายุ 39 ปี พ่อของน้องฌอน เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 16.30 น. น้องฌอนกับย่า กำลังนั่งรอรถเมล์ เพื่อที่จะกลับบ้าน โดยน้องฌอนได้นั่งในลักษณะเอาข้อศอกซ้ายวางไปที่บริเวณตู้ไฟฟ้า จากนั้นรู้สึกเหมือนมีไฟดูด ถึงสะบัดแขนขึ้น ก่อนที่นิ้วก้อยซ้ายจะไปถูกสแตนเลสของตู้ไฟฟ้าบาด ซึ่งขณะนั้นมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาพอดี ย่าจึงได้รีบให้พาไปส่งที่โรงพยาบาล โดยด่วน

 

 

 

ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล หมอได้ทำการผ่าตัด โดยพบว่า เอ็นไม่ขาด แต่มีเส้นประสาทเสียหายบางส่วน ซึ่งหมอให้พักฟื้นดูอาการ 1 เดือน ซึ่งน้องฌอน ตอนนี้สภาพจิตใจยังเป็นปกติ ไม่ได้มีอาการซึม หรือเครียด และคุณพ่อเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิม หลังจากเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเดินทางมาเยี่ยมลูกชาย พร้อมกับรับปากว่า จะดูแลรักษาค่าพยาบาลทั้งหมด

 

 

 

 

ขณะที่ นายวินัย ใจงาม วินจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งเป็นคนที่พาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล เล่าว่า ขณะนั้นตนเองมาส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์จุดเกิดเหตุพอดี ได้ยินป้าของคนเจ็บตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ตนเองจึงรีบอาสาพาน้องไปส่งที่โรงพยาบาล ขณะนั้นเป็นช่วงเย็นที่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ทำให้ตนเองไม่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ กว่าที่จะถึงโรงพยาบาลก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทีมแพทย์ขึ้นศาลคดี ดิเอโก มาราโดนา เสียชีวิต
สหรัฐฯลดจนท.กระทรวงศึกษาเกือบครึ่ง
พนง.USAID อึ้ง ได้รับคำสั่งเผา-ทำลายเอกสาร
ทรัมป์ถอยเทสลาป้ายแดง เอาใจอีลอน มัสก์
"กรณ์" ออกโรงหนุน "มาดามแป้ง" ลุยพิสูจน์ผิด อดีตผู้บริหารสมาคมฟุตบอลให้ถึงที่สุด
"พิชัย" แจงดรามา "เงินหมื่นเฟส 3" ทำไมจ่ายค่าเทอมไม่ได้ ชี้ต้องค่อยๆ ทำ ระบบยังครอบคลุมไปไม่ถึง
"ศุภชัย CEO ซีพี" มั่นใจ "ซิกเว่" พาทรูโตทะยาน พร้อมเปลี่ยนผ่านเครือซีพีสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ส่งมอบเงินแก่โรงพยาบาล-โรงเรียน-หน่วยงานต่างๆ แล้วกว่า 70 แห่ง ‘CPF RUN FOR CHARITY’ ชวนสายวิ่งทั่วไทย เดิน-วิ่งเพื่อการกุศล
"อนุทิน" เสียงเข้ม กำชับปลัดมท.เร่งลุยสอบสปส.ซื้อตึกพระราม 9 ลั่นไม่ต้องกลัวอิทธิพลใคร
ซีพีเอฟ ชูนวัตกรรม AI และ Automation เสริมแกร่งสวัสดิภาพสัตว์ มุ่งสู่การผลิตอาหารยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น