“สุรนันทน์” ชี้ “แพทองธาร” เป็นนายกฯ เหนื่อยหนักแน่ ต่างจาก “ยิ่งลักษณ์” แนะเร่งฟื้นความเชื่อมั่น

“สุรนันทน์” ชี้ “แพทองธาร” เป็นนายกฯ เหนื่อยหนักแน่ ต่างจาก "ยิ่งลักษณ์" แนะเร่งฟื้นความเชื่อมั่น

วันที่ 17 ส.ค.2567 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยและของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ Top News มอง การมาเป็นนายกคนที่ 31 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า

 

“สุรนันทน์” เผย “แพทองธาร” เป็นนายกฯ เหนื่อยเป็น 2-3 เท่าแน่ แนะควรเร่งฟื้นความเชื่อมั่นทางการเมือง

แม้ว่าในปัจจุบันทั่วโลก ไม่ได้มองว่าเป็นนายกฯหญิงหรือชายแล้ว แต่ในกรณีของนางสาวแพทองธารนั้น มีข้อแตกต่าง ถือเป็นนายกฯไทยที่อายุน้อยที่สุด ก่อนหน้านี้คนที่ครองแชมป์นายกอายุน้อยที่สุดคือหม่อมราชวงศ์เสนีย์ปราโมช หลังสงครามโลก แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึงปี 300 กว่าวันเท่านั้นวันนี้นางสาวแพทองธารอายุย่าง 38 ปี และเป็นนายกฯคนที่3 ของตระกูลชินวัตร และเป็นครั้งแรกของการที่ลูกอดีตนายกฯ มาเป็นนายกรัฐมนตรี

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่มีความแตกต่างเรื่องบริบททางการเมืองระหว่างสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กับปัจจุบัน เพราะสมัยสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยยังมีความแข็งแรง มีความนิยมทางการเมืองสูง ความขัดแย้งทางการเมืองในซีกประชาธิปไตยกับเผด็จการซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้คำว่าเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมแล้ว ซึ่งมีความขัดแย้งกันมานานมาก ทำให้เกิดความระแวงการใช้อำนาจของนายทักษิณมาโดยตลอด เมื่อมีข้อผิดพลาด ก็นำไปสู่การยุบสภาและไม่มีการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2549 และ 2557 ซึ่งความแตกต่างในช่วงที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯมีคนเสื้อแดงและฐานการเมืองสนับสนุนอยู่มาก และมีประสบการณ์ นั่งเป็นประธานบริษัท เป็นผู้บริหารทางธุรกิจมาก่อน เช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯที่มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจมาก่อน

นายสุรนันทน์ ระบุว่า บริบททางการเมืองตอนนี้เปลี่ยนไป หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาปี 2566 พรรคเพื่อไทยคาดหวังว่าตัวเองจะแลนด์สไลด์แต่ไม่สามารถทำได้ แต่พรรคก้าวไกลชนะเพราะคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อครั้งแรกเซ็นMOU เพื่อไทยจับมือกับพรรคก้าวไกลเตรียมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่ต้องพลิกถอนมาจัดตั้งรัฐบาลกับข้ามขั้ว ย้ายข้างที่ตัวเองเคยประกาศว่า จะปิดสวิตช์3ป.ปิดสวิตช์สว. ทำให้เกิดความเสียหายมากขนาดนี้ เพราะถูกข้อกล่าวหาว่า “ตระบัดสัตย์” ซึ่งตอนนั้นก็ต้องพึ่งสว.ที่จะลงคะแนนโหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ การย้ายข้างของพรรคเพื่อไทยจึงทำให้คะแนนเสียงหายไปมาก

“ผมอยู่กับคุณยิ่งลักษณ์ มองเลยว่าหากไม่มีการดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยมา คุณยิ่งลักษณ์สามารถทำให้เกิดความเข้าใจในองค์กรที่นอกเหนือจากรัฐสภา ทั้งองค์กรอิสระ กองทัพและอื่นๆที่มีผลต่อการเมืองได้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาอดีตนายกรัฐมนตรี สมัยนั้นเป็นผบ. ทบ. ยังเคยให้สัมภาษณ์สื่อเลยว่า พูดกับพี่ชายไม่รู้เรื่อง คุยกับน้องสาวก็ได้ ซึ่งทหารไม่มีใครอยากฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ มีกระบวนการที่บิดเบี้ยวมีการบอยคอตในสภาต่างๆและ มีความกลัวระบอบทักษิณ เมื่อคุณยิ่งลักษณ์มาทำให้สถานการณ์ต่างๆเบาลง แต่เมื่อไปเปิดช่อง ทั้งโครงการรับจำนำข้าวและ นิรโทษกรรมสุดซอยจึงถูกตีทันที เพราะเปิดประตูให้เขาเอง“

ทั้งนี้ นายสุรนันทน์มองว่านางสาวแพทองธารจะเหนื่อยเป็น2-3เท่า เพราะไม่มี ฐานของประชาชน ต้องกลับมาสร้าง ศรัทธา ความเชื่อมั่น ต้องกลับมาสร้างความไว้วางใจ แม้ว่าเพื่อไทยเสียงอันดับ 1 จริงก็ตาม แต่อำนาจต่อรองของพรรคพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลมีมากขึ้น ประกอบกับสว.สายสีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทยจึงมีอำนาจต่อรองมากแต่ทุกพรรคยังคงเล่นตามระบบอยู่

อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์เคยทำเป็นบทเรียนที่ดีให้กับนางสาวแพทองธาร เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ จะไม่โจมตีใครนิ่งเวลาตอบคำถามสื่อ และเป็นคนยืดหยุ่น ส่วนนางสาวแพทองธาร ที่ผ่านมามองดูว่ายังมีความแข็ง อาจจะมาจากความต้องการแสดงวุฒิภาวะผู้นำหรือความเด็ดขาดก็ตาม เช่นกรณีร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นผู้มีบารมีและประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน มองว่าหากนางสาวแพทองธารมีการปรับในจุดนี้ ก็น่าจะดีขึ้น

แต่ต้องให้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร ว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน เพราะสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ ต้องฟื้นความเชื่อมั่นทางการเมือง ถ้าหลังไม่พิงประชาชน ยอมรับว่าเหนื่อยมาก จึงต้องฟังเสียงจากสส.ให้มาก เพราะเป็นคนรับฟังเสียงประชาชนโดยตรง

ทั้งนี้ปัญหาที่หนักที่สุดตอนนี้คือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีทีมเศรษฐกิจเข้ามาช่วยอย่างมาก แต่ต้องยอมรับว่าคนที่จะมาช่วยพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจมีไม่มาก และ นางสาวแพทองธาร ต้องไม่เดินเกมพลาดด้านเศรษฐกิจ เหมือนนายเศรษฐา ที่ขึ้นมาในตำแหน่งครั้งแรก เริ่มต้นก็ทะเลาะกับแบงค์ชาติถือเป็นความพลาดมากและเชื่อว่าช่วงหลังของนายเศรษฐาก็รู้ตัวไม่พาดพิงถึงแบงค์ชาติอีก ซึ่งนางสาวแพทองธาร ก็เคยพูดซัดแบงค์ชาติบนเวทีหลังจากนั้นด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องสร้างพวกมากกว่า คนที่บริหารเศรษฐกิจที่สำเร็จ ยังไงก็ต้องมีองคาพยพของข้าราชการประจำและแบงค์ชาติเป็นพวก หรืออย่างน้อยต้องเห็นของในการบริหารเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน มาตรการทางด้านการเงินและการคลังต้องไปด้วยกัน

อย่างไรก็ตามการมีนายทักษิณซึ่งเป็นพ่อให้คำปรึกษาถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเชื่อว่านายทักษิณจะใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจมาช่วย ลูกสาวได้ แต่จะช่วยได้มากแค่ไหน ต้องคอยปรึกษากันตลอดอย่างไร ทุกขั้นตอนต้องถามต้องปรึกษาหรือไม่ ต้องคอยดูกันต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น