นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก หัวข้อ “โควิด 19 ในเด็ก และการให้วัคซีน” มีเนื้อหาดังนี้… โรคโควิด 19 ในเด็ก อายุ 12 -17 ปี จะมีอาการไม่มาก หรือเสียชีวิตน้อยมาก จากการศึกษาในอเมริกาช่วงการระบาด 120 วัน เด็กวัยรุ่น 1 ล้านคน ผู้ชายเสียชีวิต 2 คน ถ้าเป็นผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน
การติดเชื้อในเด็กส่วนมากจะรับเชื้อมาจากผู้ใหญ่ เช่น ผู้ปกครอง ครอบครัว ครูและบุคลากรในโรงเรียน เมื่อเด็กมารวมกันเป็นกลุ่ม จะเป็นต้นเหตุของการระบาดได้ การให้วัคซีนในผู้ใหญ่จึงมีความสำคัญในการป้องกันเด็ก และการให้วัคซีนในเด็กจะต้องมีความปลอดภัยสูง วัคซีน mRNA อาการข้างเคียงที่สำคัญคือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อายุน้อยพบมากกว่าผู้ที่สูงอายุ เพศชายพบมากกว่าเพศหญิง
ส่วนใหญ่พบในเข็มที่ 2 มากกว่าเข็มแรก ประเทศ อังกฤษ สวีเดน และฮ่องกง ให้ฉีดเพียงเข็มเดียว การฉีดเข็มเดียวภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น ไม่เพียงพอ เมื่อมีวัคซีน mRNA กระทรวงสาธารณสุข ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการ วัคซีน mRNA มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดใดมาก็ตาม สามารถฉีดวัคซีน pfizer เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างตามวัคซีนเข็มแรก
บุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย sinovac หรือ sinopharm แล้วฉีด pfizer เข็มที่ 2 น่าจะได้มีการรวบรวมอาการข้างเคียง ทางศูนย์ก็ยินดีที่จะตรวจภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ในเด็กวัยรุ่น ในการให้วัคซีน mRNA เพียงเข็มเดียว เพื่อลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ